สัปดาห์ที่ผ่านมา มี 3 หุ้นใหม่เข้ามาจดทะเบียน ทุกตัวเคาะซื้อเคาะขายกันสนั่นหวั่นไหว และแม้ทั้งหมดราคาบนกระดานจะสูงกว่าราคาหุ้นที่เสนอขายนักลงทุน ทำให้นักลงทุนที่ได้โควตาจองกำไรถ้วนหน้า แต่ แมลงเม่าที่แห่เก็งกำไรตายเรียบ
เพราะหุ้นน้องใหม่ทั้ง 3 ตัว ถูกลากขึ้นอย่างหวือหวา ก่อนถูกทุบขายลง จนราคาดิ่งลงแรง นักลงทุนที่ขายไม่ทัน ขาดทุนอย่างหนัก
หุ้นบริษัท เคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์ เซาท์เทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ KK ประเดิมซื้อขายตัวแรก เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ราคาจอง 88 สตางค์ เปิดซื้อขายที่ราคา 2.40 บาท ขึ้นสูงสุดที่ 2.46 บาท ต่ำสุดที่ 1.88 บาท ก่อนปิดที่ 2.12 บาท สูงกว่าจอง 1.24 บาท หรือสูงกว่าจอง 140.91%
ซื้อขายวันที่ 2 หุ้น KK ถูกถล่มขายจนติดฟลอร์ โดยปิดที่ 1.49 บาท ลดลง 63 สตางค์ หรือลดลง 29.72% และเมื่อวันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม ราคาปิดที่ 1.81 บาท ลดลง 0.07 สตางค์ หรือลดลง 5.37 บาท
จากจุดสูงสุดระหว่างชั่วโมงซื้อขายวันแรกที่ 2.46 บาท เทียบกับราคาปิดล่าสุดที่ 1.41 บาท หุ้น KK ลดลง 1.05 บาท หรือลดลง 43.90%
นักลงทุนที่เข้าไปซื้อที่ราคาสูงสุด และยังไม่ได้ขาย ขาดทุนส่วนต่างราคาหุ้น KK กว่า 40% และคงไม่มีโอกาสที่จะเรียกทุนคืนได้ในระยะสั้น เพราะการลากราคาหุ้นอย่างร้อนแรงน่าจะผ่านพ้นไปแล้ว
ส่วนหุ้นบริษัท ศิรกร จำกัด (มหาชน) หรือ SK เข้าซื้อขายวันแรกเมื่อ 8 ตุลาคม ราคาจอง 80 สตางค์ เปิดซื้อขายวันแรกที่ 1.60 บาท และถูกลากขึ้นไปสูงสุดที่ 2.00 บาท ก่อนลงมาปิดที่ 1.20 บาท เป็นราคาต่ำสุด แต่ยังปิดสูงกว่าจอง 40 สตางค์ หรือสูงกว่าจอง 50%
วันที่ 2 หรือ 9 ตุลาคม หุ้น SK ปิดที่ 1.02 บาท ลดลง 18 สตางค์ หรือลดลง 15% จากจุดสูงสุดระหว่างช่วงโมงซื้อขายวันแรกที่ 2.00 บาท เทียบกับจุดปิดวันที่ 9 ตุลาคมที่ 1.02 บาท หุ้น SK ลดลง 98 สตางค์ หรือลดลง 49%
นักลงทุนที่ซื้อ SK ในราคาสูงสุด ขาดทุนส่วนต่างราคาแล้วเกือบ 50% ส่วนนักเก็งกำไรอื่นที่แห่เก็งกำไรหุ้นตัวนี้ และยังถือหุ้นอยู่ ขาดทุนถ้วนหน้า มากน้อยแล้วแต่ต้นทุนของแต่ละคน เพราะหุ้นถูกเทขายจนทรุดตัวต่อเนื่อง
สำหรับหุ้นบริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF ซึ่งเป็นตัวเดียวที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ราคาจอง 4.60 บาท ประเดิมซื้อขายวันแรกเมื่อ 9 ตุลาคม เปิดที่ 9.05 บาท ถูกลากขึ้นไปสูงสุดที่ 9.20 บาท ต่ำสุดที่ 5.80 บาท ก่อนจะปิดที่ 6.05 บาท สูงกว่าจอง 1.45 บาท หรือสูงกว่าจอง 31.52%
เทียบระหว่างจุดสูงสูดระหว่างชั่วโมงซื้อขายวันแรกที่ 9.20 บาท กับจุดปิดที่ 6.05 บาท มีส่วนต่างราคา 3.15 บาท โดยนักลงทุนที่ซื้อในราคาสูงสุด และยังไม่ขาย ขาดทุนส่วนต่างกว่า 34.23%
หุ้นใหม่ที่เข้าซื้อขายในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรูปแบบเดียวกัน โดย ราคาถูกลากขึ้นไปสูงลิบ สูงกว่าจองระดับ 100% ขึ้นไป ก่อนจะถูกถล่มขายอย่างหนักและต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนที่แห่เก็งกำไรตามกระแสเจ็บตัวกันหนัก
ราคา 3 หุ้นใหม่ที่ร้อนแรง อาจถูกอธิบายว่า เกิดจากนักลงทุนรายย่อยแห่เก็งกำไร และราคากันเอง แต่เบื้องหลังจะเป็นเพราะรายย่อยลากกันเอง จนเกิดความเสียหายกันเองจริงหรือ
ไม่มีใครปั่นกระแสเก็งกำไรหุ้นใหม่ ไม่มีใครลากแมลงเม่าไปเชือด ไม่มี “ขาใหญ่” คุมเกมราคาจริงหรือ
นักลงทุนรายย่อยมีบทเรียนจากการเก็งกำไรหุ้นใหม่นับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ยังตกเป็นเหยื่ออีก โดยเฉพาะ 3 หุ้นใหม่ชุดนี้ เจ็บกันหนัก และดีไม่ดี ในอีกไม่กี่วันช้างหน้า อาจได้เห็นหุ้นใหม่บางตัวต่ำกว่าจองอีกด้วย
สิ้นปีนี้มีหุ้นใหม่อีกหายตัวรอคิวเข้าซื้อขาย แมลงเม่าทั้งหายพึงสังวรไว้ อย่าหลงกระแสหุ้นใหม่ อย่าแห่เก็งกำไรโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ
เจ้ามือหุ้นใหม่ไม่ได้ใจดี และ ไม่ง่ายที่จะเที่ยวไล่แจกเงินรายย่อย ประเภทตั้งราคาเสนอขายหุ้นถูก เข้ามาซื้อขายแล้วราคาสูงกว่าจองนับ 100% โดยไม่มีกลเกมตลบหลังสูบเงินรายย่อย จะเป็นไปได้หรือ