KK พร้อมเทรดวันแรก 7 ต.ค. มั่นใจราคา IPO 0.88 บ.เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน เชื่อจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน พร้อมทั้งเชื่อว่าจะเป็นหุ้นน้องใหม่ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจให้แก่นักลงทุนได้ เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ธุรกิจยังมีอนาคตที่สดใส
นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม สายงานวาณิชธนกิจ-ด้านตลาดทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและในฐานะแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนตอ่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ของ บมจ.เคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์ เซาท์เทิร์น (KK) เปิดเผยว่า หุ้น KK จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันพรุ่งนี้เป็นวันแรก เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน พร้อมทั้งเชื่อว่าจะเป็นหุ้นน้องใหม่ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจให้แก่นักลงทุนได้ เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ธุรกิจยังมีอนาคตที่สดใสจากแผนการขยายสาขาที่หาดใหญ่และพื้นที่ใกล้เคียง
ปัจจัยสนับสนุนอีกเรื่องคือการกำหนดราคาจองซื้อที่ระดับ 0.88 บาทต่อหุ้น ซึ่งถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และมีความน่าสนใจอย่างมาก ประกอบกับแนวโน้มธุรกิจยังมีโอกาสที่จะเติบโตอีกมากในอนาคต ตามศักยภาพทางเศรษฐกิจที่หาดใหญ่และพื้นที่ใกล้เคียงที่มีแนวโน้มเติบโตสูง ทำให้มีช่องที่จะขยายตัวอีกมาก ขณะที่ธุรกิจเข้าใจง่ายและอยู่ในชีวิตประจำวัน ระบบการจัดการภายในมีคุณภาพ มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อลูกค้าและคู่ค้าทางธุรกิจ ตลอดจนความเข้าใจวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น ซึ่งบริษัทตั้งเป้าหมายรักษาระดับรายได้และกำไรสุทธิให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ด้าน นายกวิศพงษ์ สิริธนนนท์สกุล กรรมการผู้จัดการ KK กล่าวว่า เมื่อหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai น่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุน เนื่องจากที่ผ่านมา กระแสตอบรับในช่วงโรดโชว์ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก และช่วงที่เปิดให้จองซื้อหุ้น IPO มีนักลงทุนให้ความสนใจเข้ามาเกินกว่าจำนวนหุ้นที่เสนอขาย สะท้อนถึงการที่นักลงทุนมองเห็นแนวโน้มในอนาคตของธุรกิจที่จะขยายตัวได้อีกมาก ตามกำลังซื้อของคนในพื้นที่หาดใหญ่ สตูล พัทลุง และจังหวัดใกล้เคียง ขณะเดียวกัน เมื่อบริษัทมีเงินทุนหมุนเวียนมากขึ้น ยิ่งทำให้ธุรกิจสามารถขยายตัวต่อไปได้มากขึ้นตามไปด้วย
หลังจากที่ได้รับเงินจากการระดมทุนเข้ามาแล้ว บริษัทจะนำไปขยายสาขาตามแผนงานที่วางเอาไว้ ส่วนที่เหลือใช้ชำระหนี้สถาบันและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งจะทำให้ KK มีศักยภาพและพร้อมมากขึ้นสำหรับการขยายธุรกิจในอนาคต ซึ่งจะผลักดันให้รายได้และกำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น