นักลงทุนที่ถือหุ้นบริษัท อี ฟอร์ แอล เอ็ม จำกัด (มหาชน) หรือ EFORL คงทำใจยอมรับแล้วว่า หุ้นตัวนี้อยู่ในสภาพตายซาก ไม่มีสัญญาณฟื้น และไม่มีข่าวดีใดๆ ที่รอคอย
EFORL เคยเป็นหุ้นเก็งกำไรร้อนแรงในอดีต โดยเฉพาะช่วงการซื้อหุ้น บริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก อินเตอร์ กรุ๊ป จำกัด เข้ามาเป็นบริษัทลูก
แต่การซื้อหุ้นวุฒิศักดิ์คลินิก เป็นเพียงข่าวดีที่กระตุ้นราคาหุ้นระยะสั้นๆ เท่านั้น แต่ไม่ได้ช่วยให้ผลประกอบการ EFORL เติบโต การซื้อหุ้นวุฒิศักดิ์จึงเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่า นอกจากนั้น ใน บริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก ยังมีการฉ้อโกง โดยผู้บริหารบริษัท วุฒิศักดิ์หลายคนถูกดำเนินคดี รวมทั้งยังมีการขายลิขสิทธิ์ของวุฒิศักดิ์คลินิกอย่างไม่โปร่งใส
เงินที่ทุ่มไปกับการซื้อหุ้นบริษัท วุฒิศักดิ์คลินิก ไม่ได้รับผลตอบแทนที่ดีคืนกลับ ฉุดให้ผลประกอบการของ EFORL ทรุดลง และขาดทุนต่อเนื่องหลายปี จนส่วนของผู้ถือหุ้นต่ำกว่า 50% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว ขณะที่หุ้นถูกขึ้นเครื่องหมาย “C” ตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม 2561
แม้จะดึงกลุ่มนายวิชัย ทองแตง เข้ามาถือหุ้นใหญ่ โดยการออกหุ้นเพิ่มทุน จำนวน 16,108.28 ล้านหุ้น ราคาพาร์ 0.075 บาท ขายให้บุคคลในวงจำกัด กลุ่มนายวิชัย ในราคาหุ้นละ 4 สตางค์ เมื่อประมาณกลางปี 2561 แต่ ผู้ถือหุ้นใหญ่กลุ่มใหม่ไม่สามารถพลิกฟื้นการดำเนินงานได้
EFORL พยายามแก้ปัญหาฐานะทางการเงิน โดยปลายเดือนมีนาคม 2563 ได้เรียกชำระหุ้นเพิ่มทุน จำนวน 8,054.21 ล้านหุ้น ซึ่งจัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 4 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 5 สตางค์ แต่มีการใช้สิทธิจองซื้อทั้งสิ้นเพียง 3,173.512 ล้านหุ้น ได้เงินจากการชำระค่าหุ้นเพียง 158,675.60 บาท
สะท้อนให้เห็นว่า แม้แต่กลุ่มนายวิชัย ที่ถือหุ้นใหญ่ และเป็นผู้ผลักดันมติการเพิ่มทุน ยังสละสิทธิการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน ผู้ถือหุ้นรายย่อยส่วนใหญ่ถือว่าทันเกมการเพิ่มทุนครั้งนั้น โดยไม่ยอมใส่เงินเข้ามา เพราะถ้าใช้สิทธิ จะกลายเป็นเหยื่อ และต้องขาดทุนซ้ำอีก เพราะราคาหุ้นบนกระดานทรุดตัวลงต่ำกว่าราคาหุ้นเพิ่มทุน
ประมาณเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ใบสำคัญแสดงสิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน หรือ EFORL-W3 จำนวน 1,377.15 ล้านหน่วย กำหนดแปลงสภาพครั้งสุดท้ายก่อนหมดอายุ โดยราคาแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญ 60 สตางค์ ปรากฏว่ามีผู้ใช้สิทธิแปลงสภาพเพียง 2,228 หน่วยเท่านั้น
ขณะที่ EFORL-W4 จำนวน 772.50 ล้านหน่วย กำหนดแปลงสภาพครั้งสุดท้ายช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ราคาแปลงสภาพ 50 สตางค์ มีผู้ใช้สิทธิแปลงสภาพเพียง 1,031 หน่วยเท่านั้น
หุ้น EFORL แกว่งตัวระหว่าง 2-3 สตางค์มาพักใหญ่แล้ว ท่ามกลางมูลค่าซื้อขายที่เบาบาง ระดับไม่กี่แสนบาท และบางวันซื้อขายเพียงไม่กี่หมื่นบาท
โครงสร้างผู้ถือหุ้นปัจจุบัน นายวิชัย ทองแตง ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง สัดส่วน 19.76% ของทุนจดทะเบียน โดยมีผู้ถือหุ้นรายย่อย จำนวน 13,964 ราย ถือหุ้นรวมกันสัดส่วน 51.38% ของทุนจดทะเบียน โดย ผู้ถือหุ้นรายย่อยทั้งหมดน่าจะติดหุ้นต้นทุนสูง และทำใจตัดขาดทุนขายไม่ได้
เช่นเดียวกับนายวิชัย ซึ่งถือเป็นนักลงทุนขาใหญ่ เข้าออกในหุ้นหลายตัว แต่เข้ามาใน EFORL แล้ว ยังหาทางออกไม่ได้เหมือนกัน และติดหุ้นเช่นเดียวกับรายย่อย
EFORL อยู่ในสภาพตายซากคาตลาดหุ้น พร้อมความเสียหายนักลงทุนรายย่อยจำนวนกว่าหมื่นคนที่พลัดหลงเข้ามาเล่นหุ้นตัวนี้