“อี ฟอร์ แอล เอม” แจงบริษัทย่อย “ดับบลิวซีไอ โฮลดิ้ง ”ถูกฟ้องและบังคับคดีหนี้ตั๋วแลกเงิน ขณะที่ลดสัดส่วนการถือหุ้น “วุฒิศักดิ์ คลินิก อินเตอร์กรุ๊ป” เหลือเพียง 20% เพราะถูกขายทอดตลาดและโครงสร้างการถือหุ้นเปลี่ยนแปลงนั้น ไม่มีผลกระทบโดยตรงกับ “EFORL” เพราะตั้งสำรองเงินลงทุนใน “WCIH” ไว้ทั้งจำนวนแล้ว
นายปรีชา นันท์นฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน) หรือ EFORL แจ้งความคืบหน้ากรณีบริษัทย่อย บริษัทดับบลิวซีไอ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ WCIH ถูกฟ้องและบังคับคดีชำระหนี้ตามตั๋วแลกเงินในคดีแพ่ง หมายเลขดำที่ พ 230/2560 ที่มีกองทุนเปิดโซลาริส ตราสารหนี้พริวิลเลจ 6 เอ็ม 5 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง
โดยศาลมีคำพิพากษาให้บริษัทย่อยชำระเงินให้แก่โจทก์ จำนวน 100,166,666.67 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตรา 5% ต่อปีของต้นเงิน 100 ล้านบาท นับตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.2560 เป็นจนไปจนกว่าจะชำระเสร็จ โดยศาลให้นำเงินจำนวน 2,198,930.14 บาท ซึ่งบริษัทย่อยชำระแก่โจทก์ก่อนฟ้องคดีนี้ไปหักชำระหนี้แก่โจทก์ด้วย
ทั้งนี้ ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 27 ต.ค.2563 ทาง “EFORL” ได้รับหนังสือจาก “WCIH” แจ้งว่าถูกยึดหุ้นสามัญ บริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด จำนวน 122,715 หุ้น ตามหมายบังคับคดีของศาลจังหวัดตลิ่งชัน โดยเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการขายหุ้นดังกล่าวให้แก่บุคคลภายนอกแล้วในราคา 1,230,000 บาท และผู้ซื้อได้ชำระราคาครบถ้วนแล้วเมื่อวันที่ 24 ก.ค.2563
อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทชี้แจงว่า หุ้นสามัญของบริษัท วุฒิศักดิ์ฯ จำนวนดังกล่าวเป็นทรัพย์สินที่ติดภาระผูกพันซึ่งบริษัทจำนำไว้กับธนาคารแห่งหนึ่งเพื่อเป็นหลักประกันวงเงินกู้ยืมของบริษัท
ดังนั้น ด้วยเหตุผลข้อเท็จจริงข้างต้น ทำให้ “WCIH” มีสัดส่วนในการถือหุ้นบริษัท วุฒิศักดิ์ฯ เพียงจำนวน 30,678 หุ้น คิดเป็น 20% ของหุ้นทั้งหมดของบริษัท วุฒิศักดิ์ฯ และทำให้โครงสร้างการถือหุ้นของบริษัทเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือหุ้นไม่มีผลกระทบโดยตรงกับ “EFORL” เนื่องจากปัจจุบันตั้งสำรองเงินลงทุนใน “WCIH” ไว้ทั้งหมดแล้ว