การประกาศจัดทำคำเสนอซื้อ หรือเทนเดอร์ออฟเฟอร์ หุ้นบริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK ของบริษัท ฟินันซ่า จำกัด (มหาชน) หรือ FNS จุดพลุเก็งกำไรหุ้น MK อีกครั้ง โดยราคาพุ่งรับข่าวในทันที
FNS แจ้งตลาดหลักทรัพย์ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 28 กันยายนที่ผ่านมาว่า คณะกรรมการบริษัทมีมติจัดทำคำเสนอซื้อหุ้น MK จากผู้ถือหุ้นรายอื่นทั้งหมดจำนวนไม่เกิน 892.57 ล้านหุ้น ในราคาไม่เกินหุ้นละ 3.10 บาท มูลค่าการซื้อหุ้นรวมกันไม่เกิน 2,766.99 ล้านบาท
ปัจจุบัน FNS ถือหุ้น MK จำนวน 205.17 ล้านหุ้น คิดเป็น 18.80% ของทุนจดทะเบียน โดยการจัดทำคำเสนอซื้อหุ้น MK ครั้งนี้ จะต้องผ่านมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นบริษัท ซึ่งจะจัดประชุมวิสามัญในวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้
หุ้น MK เงียบเหงามาพักใหญ่ มูลค่าซื้อขายต่อวันไม่กี่แสนบาท กลับมาคึกคักรับข่าวเทนเดอร์ออฟเฟอร์ทันที เมื่อเปิดการซื้อขายวันจันทร์ที่ 28 กันยายน โดยมีแรงซื้อเข้ามา ทำให้ราคาขยับขึ้น ก่อนปิดที่ราคา 3.04 บาท เพิ่มขึ้น 24 สตางค์ หรือเพิ่มขึ้น 8.57%
เมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2561 บริษัท ศุภาลัย พรอพเพอร์ตี้ แมเนจเมนท์ จำกัด บริษัทลูกของบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI เคยประกาศจัดทำคำเสนอซื้อหุ้น MK ทั้งหมด ในราคาหุ้นละ 4.10 บาท ปรากฏว่า มีผู้แสดงเจตจำนงเสนอขายทั้งสิ้น 3 ล้านหุ้น หรือ 0.3% ของทุนจดทะเบียนเท่านั้น
โครงสร้างผู้ถือหุ้น MK ประกอบด้วย FNS ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 สัดส่วน 18.80% ของทุนจดทะเบียน นายประทีป ตั้งมติธรรม ผู้ถือหุ้นใหญ่ SPALI ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ในสัดส่วน 12.22% และบริษัท ศุภาลัย พรอพเพอร์ตี้ แมเนจเมนท์ จำกัด ถือหุ้นในสัดส่วน 4.02% โดยมีผู้ถือหุ้นรายย่อย จำนวน 3,610 ราย ถือหุ้นรวมกันในสัดส่วน 57.75%
ผลประกอบการของ MK มีกำไรต่อเนื่องหลายปี แต่ 6 เดือนแรกปีนี้มีผลขาดทุน 94.97 ล้านบาท ขณะที่ระยะเดียวกันปีก่อน มีกำไรสุทธิ 258.86 ล้านบาท และทำให้ไม่สามารถคำนวณค่าพี/อี เรโช
ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา หุ้น MK เคลื่อนไหวระหว่าง 2-3 บาทเศษ ท่ามกลางมูลซื้อขายที่เบาบาง จน FNS ประกาศทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ ราคาหุ้นจึงขยับขึ้น เพราะนักเก็งกำไรเข้ามาไล่เก็บ เพื่อนำหุ้นขาย FNS
แต่ราคาหุ้นได้ขึ้นมาตอบรับข่าวแล้ว จนช่องว่างระหว่างราคาหุ้นบนกระดานกับราคาเทนเดอร์ออฟเฟอร์ใกล้เคียงกัน หรือมีส่วนต่างไม่ถึง 2%
กลุ่ม SPALI พยายามเทกโอเวอร์ หรือครอบงำกิจการ MK ผ่านการทำเทนเดอร์มาแล้วเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน แต่ไม่สามารถรวบรวมหุ้นจนครองความเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ได้
สัดส่วนการถือหุ้นระหว่างกลุ่ม FNS กับกลุ่ม SPALI จึงแตกต่างกันไม่เท่าไหร่ ไม่มีกลุ่มใดคุมเสียงข้างมากอย่างเบ็ดเสร็จ
การประกาศทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์หุ้น MK ครั้งใหม่ จึงเป็นความพยายามของกลุ่ม FNS ในการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เพื่อคุมอำนาจการบริหารเบ็ดเสร็จ หลังจากที่กลุ่ม SPALI ทำไม่สำเร็จ
การตั้งราคาเทนเดอร์ออฟเฟอร์ไม่เกิน 3.10 บาท ซึ่ง ต่ำกว่าราคาที่กลุ่ม SPALI เคยตั้งเสนอซื้อไว้ถึงหุ้นละ 1 บาท เนื่องจากสถานการณ์ของ MK ปัจจุบันแตกต่างจากเมื่อ 2 ปีก่อน หรือช่วงที่ SPALI ตั้งราคาเสนอซื้อ โดยได้รับผลกระทบจากวิกฤต “โควิด-19” จนผลประกอบการครึ่งปีแรกปีนี้ขาดทุน
การเทนเดอร์ออฟเฟอร์ MK รอบสอง FNS จะประสบความสำเร็จหรือไม่ ประมาณปลายปีนี้หรือต้นปีหน้าจะมีคำตอบ แต่ราคาหุ้น MK คงไปไม่ไกลกว่านี้ เพราะซึมซับรับข่าวเต็มอิ่มแล้ว