xs
xsm
sm
md
lg

กกร.ชี้เศรษฐกิจไตรมาส 4 เสี่ยงเพิ่ม แนะต่ออายุมาตรการ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กกร.ชี้เศรษฐกิจไตรมาส 3 เริ่มฟื้นตัวแต่ยังต่ำกว่าระดับปกติมาก ขณะที่ไตรมาส 4 มีความเสี่ยงเพิ่มจากทั้งในและต่างประเทศ ทางการยังต้องช่วยอุ้ม แนะต่ออายุมาตรการช่วยเหลือ

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกล่าวในการแถลงข่าวประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.)
ว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 3 ฟื้นตัวไปพร้อมกับความสำเร็จในการควบคุมโควิด-19 ในประเทศ โดยมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เช่น การเดินทางท่องเที่ยวในประเทศที่ได้รับการส่งเสริมจากมาตรการของรัฐ เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ส่วนการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากจุดต่ำสุดในช่วงไตรมาสที่ 2 ภายหลังการคลาย lockdown ทั่วโลก ซึ่งสินค้ากลุ่มอาหารและสุขอนามัยที่เป็นที่ต้องการมีการขยายตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจยังต่ำกว่าปกติอยู่มาก เห็นได้จากจำนวนผู้ว่างงานที่ยังไม่ลดลง

สำหรับในช่วงไตรมาสที่ 4 เศรษฐกิจไทยเผชิญความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น โดยปัจจัยต่างประเทศ ได้แก่ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกเร่งตัวขึ้นอีกครั้งในเดือนกันยายน กดดันการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในหลายประเทศ เช่น สหรัฐฯ ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน สหราชอาณาจักร รัสเซีย อินเดีย และหลายแห่งในเอเชีย ซึ่งหากลุกลามไปมากจะกระทบธุรกิจส่งออกของไทย รวมถึงความสามารถในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศในระยะต่อไป แม้ว่าจะไม่กระทบกับการเปิดรับแบบเฉพาะกลุ่มที่กำลังจะเริ่มขึ้นก็ตาม

ส่วนปัจจัยในประเทศ ได้แก่ การที่มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ในวงกว้างทยอยหมดอายุลง
เงินบาทอ่อนค่าจากผลของดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นในภาวะที่ตลาดกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง โดยกังวลการระบาดของโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงขึ้น รวมถึงแรงกดดันจากปัจจัยการเมืองทั้งฝั่งสหรัฐฯ และยุโรป นอกจากนี้ ความผันผวนเพิ่มขึ้นจากปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมืองก่อนการเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐฯ โดยในช่วงที่เหลือของปีค่าเงินบาทยังมีแรงหนุนแข็งค่าจากดุลบัญชีเดินสะพัดที่เกินดุล หากไม่เกิดการระบาดระลอกใหม่ในประเทศไทย หรือสามารถควบคุมโรคให้อยู่ในวงจำกัดได้

ทั้งนี้ ที่ประชุม กกร. มองว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่ 4 จะฟื้นตัวได้ต่อไป แต่ยังคงต้องการการสนับสนุนจากมาตรการของรัฐที่ต่อเนื่องและตรงจุด โดยทั้งปี 2563 กกร. ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยอาจหดตัวในกรอบ -9.0% ถึง -7.0% ขณะที่ กกร. ปรับประมาณการการส่งออกในปี 2563 หดตัวในกรอบ -10.0% ถึง -8.0% ดีขึ้นจากเดิมที่ -12.0% ถึง -10.0% เนื่องจากการส่งออกในช่วงไตรมาสที่ 3 หดตัวน้อยกว่าที่คาดไว้เดิม ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าอยู่ในกรอบ -1.5% ถึง -1.0%

นอกจากนี้ กกร.ยังได้เสนอให้มีการต่ออายุมาตรการต่างๆ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ เช่น มาตรการชะลอการคืนเงินกู้ โดยขอให้ครอบคลุมตามความเหมาะสมของผู้ประกอบการแต่ละประเภท การขอยืดมาตรการค่าน้ำ ค่าไฟ (รวมถึง minimum change) การลดเก็บภาษีน้ำมันเครื่องบิน และเร่งรัด soft loan ของสายการบิน รวมถึงมาตรการช่วยสนับสนุนภาครัฐในการ Reskill - Upskill ให้แรงงาน เพื่อตอบโจทย์อนาคตของประเทศไทย โดยเอกชนยินดีให้ความร่วมมือ เช่น Smart Farming, Wellness & Healthcare, Coding Program, Data Analytic, การค้า Online เป็นต้น โดยเป็นหลักสูตรระยะสั้น

มาตรการทางเศรษฐกิจระยะเร่งด่วนสำหรับภาคธุรกิจท่องเที่ยว เช่น รักษาการจ้างงานเดิมของสถานประกอบกิจการโรงแรมและธุรกิจท่องเที่ยวทั่วประเทศ ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขและแนวทางการดำเนินการของโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ปรับปรุงขั้นตอนกระบวนการสำหรับการอนุญาตให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทย ตามมาตรการที่รัฐบาลได้อนุมัติออกมาแล้วให้สะดวกขึ้น โดยยังคงเงื่อนไขด้านความปลอดภัย

ด้านข้อเสนอของภาคเอกชนต่อ กรอ. โดย กกร. และสภาธุรกิจตลาดทุนไทย สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือฯ ร่วมกันจัดทำข้อเสนอด้านเศรษฐกิจ โดยนำประเด็นดังกล่าวหารือกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในประเด็นที่สำคัญต่างๆ เช่น ด้านการค้า การลงทุน การจ้างงาน SME โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เป็นต้น ก่อนจะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ซึ่งจะเป็นข้อเสนอที่ช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็วและยั่งยืน

ส่วนการค้ำประกันเงินกู้ของ บสย. เพื่อช่วยเหลือ SME โดยทาง กกร. หารือร่วมกับ บสย. ในแนวทางการจัดทำโปรแกรม Add on coverage for Soft Loan Plus โดยขยายระยะเวลากู้เพิ่มจากโครงการ Soft Loan ของ ธปท. ที่มีระยะเวลา 2 ปี ให้ขยายได้เพิ่มขึ้นเป็นไม่เกิน 10 ปี เพื่อช่วยค้ำประกันให้ผู้กู้ ซึ่งทาง บสย.จะมีการหารือร่วมกับธนาคารต่างๆ ในรายละเอียดการดำเนินการ นอกจากนี้ ยังมีโครงการค้ำประกันสินเชื่อที่ดำเนินการในปัจจุบัน ได้แก่ บสย. SMEs ไทยชนะ บสย. SMEs พลิกฟื้นการท่องเที่ยว บสย. Soft Loan พลัส Start up & Innobiz และ SMEs เพิ่มพูน ซึ่งจะช่วยให้ SME สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น

และด้านการปฏิรูปกฎหมาย กกร. ได้มีการเชิญ นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา มาบรรยายพิเศษเพื่อให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องของกฎหมายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับภาคเอกชน โดยเฉพาะ พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ... ซึ่งจะช่วยให้เกิดความเป็นธรรมทางสังคม ลดการรับโทษทางอาญาในกรณีทำผิดเล็กๆ น้อยๆ ร่วมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาคเอกชน ซึ่ง กกร. ได้ให้ความสำคัญกับการปฏิรูปกฎหมาย และการออกกฎหมายเพื่อให้เกิดแนวทางการใช้กฎหมาย เพื่อให้มีชีวิตที่ดีขึ้น (Better Regulation for Better Life)

ด้านนายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันได้มีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งธนาคารแห่งประเทศ(ธปท.) กระทรวงการคลัง และ ธนาคารพาณิชย์ในเรื่องการขยายระยะเวลาการค้ำประกันของบสย. ภายใต้มาตรการ soft loan ของธปท. จาก 2 ปี เป็น 10 ปี เพื่อช่วยเหลือสภาพคล่องให้กับเอสเอ็มอีตามที่กกร.เสนอ

ขณะที่มาตรการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยภายใต้มาตรการของธปท.ก็ได้มีการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่นกัน โดยขะขึ้นอยู่กับการพิจารณาธนาคารแต่ละแห่งในแนวทางการให้ความข่วยเหลือลูกค้าเป็นรายกรณีหลังจากที่มาตรการธปท.สิ้นสุดลงในเดือนตุลาคมนี้ เนื่องจากสถาบันการเงินแต่ละแห่งจะมีข้อมูลแต่ความเข้าใจลูกหนี้ของตนเองมากกว่า และสามารถเลือกแนวทางที่เหมาะสมกับสถานะของลูกหนี้แต่ละราย ทำให้สามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด

"ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว การให้สินเชื่อใหม่เพื่อลงทุนใหม่ทพได้ยาก เพราะมีกำลังการผลิตส่วนเกินอยู่มาก เพราะฉะนั้น การขอสินเชื่อต้องดูวัตถุประสงค์ ซึ่งควรนำไปเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ และ ลดต้นทุนการดำเนินงาน เพื่อเสริมศักยภาพธุรกิจในระยะยาว"
กำลังโหลดความคิดเห็น