การดิ่งลงของดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กว่า 500 จุด เมื่อวันพุธที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา ฉุดให้ดัชนีหุ้นไทยทรุดฮวบลงกว่า 16 จุด หลุดแนวรับ 1,250 จุดไปเป็นที่เรียบร้อย โดยกระดานหุ้นแดงฉาน เพราะหุ้นแทบทุกกลุ่มถูกถล่มขายหนัก
แต่หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์กลับปรับตัวขึ้นสวนภาวะตลาด โดยเฉพาะธนาคารขนาดใหญ่ ซึ่งเพิ่งมีข่าวเกี่ยวกับรายงานที่ระบุว่า ธนาคารพาณิชย์ 4 แห่งของไทยทำธุรกิจทางการเงินเข้าข่ายการฟอกเงิน
หุ้นกลุ่มธนาคารเจอมรสุมข่าวร้ายมาต่อเนื่องนับจากต้นปี ปัจจุบันยังถูกกดันด้วยความกังวลในปัญหาหนี้เสีย เพราะจะส่งผลกระทบต่อผลดำเนินงานโดยตรง นักลงทุนจึงเทขายหุ้นลดความเสี่ยง
และสัปดาห์นี้ ถูกซ้ำเติมด้วยรายงานการทำธุรกรรมทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ทั่วโลก ซึ่งระบุว่า ธนาคารของไทย 4 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงเทพ และธนาคารกสิกรไทย ทำธุรกรรมผิดกฎหมาย เข้าข่ายการฟอกเงิน
หุ้นธนาคารที่ทรุดตัวลงอยู่แล้ว ถูกเทขายหนักอีกระลอก จากรายงานการทำธุรกรรมการฟอกเงิน
อย่างไรก็ตาม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการกำกับดูแลและตรวจสอบธนาคาร ได้ออกมายืนยันว่า ตรวจสอบการทำธุรกรรมของธนาคารพาณิชย์อยู่แล้ว โดยยืนยันว่าไม่พบการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย ช่วยให้นักลงทุนหายตื่นตระหนกข่าวธนาคารพาณิชย์ไทยฟอกเงิน
แต่หุ้นแบงก์ถูกถล่มไปหลายวัน ราคาทรุดลง ฉุดให้ดัชนีหุ้นปรับตัวลงตาม ทั้งที่หุ้นขนาดใหญ่กลุ่มอื่นไม่ได้ปรับตัวลงมากนัก
ราคาหุ้นที่ลงมาลึก อาจเริ่มสร้างแรงจูงใจให้นักลงทุนเพิ่มขึ้น เพราะราคาที่อ่อนตัวลง ทำให้ปัจจัยพื้นฐานของหุ้นแข็งขึ้น ยิ่งเมื่อความตื่นตระหนกในข่าวร้ายจางหายไป นักลงทุนจึงทยอยเข้ามาช้อนเก็บ
แบงก์ขนาดใหญ่ เช่น ธนาคารกรุงเทพ หรือ BBL ธนาคารกสิกรไทย หรือ KBANK ธนาคารกรุงไทย หรือ KTB และธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB มีค่าพี/อี เรโช ประมาณ 5-6 เท่า ขณะที่อัตราเงินปันผลตอบแทนมากกว่า 5% และ อยู่ในข่ายถือเพื่อการลงทุนระยะยาวได้
แต่ความกังวลในภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และมีแนวโน้มที่จะเกิดปัญหาหนี้เสียเพิ่มขึ้น กดดันให้นักลงทุนทยอยทิ้งหุ้นแบงก์ ส่วนนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ยังไม่แนะนำหุ้นกลุ่มแบงก์อีกด้วย
ดัชนีหุ้นหลุด 1,250 จุดมาแล้ว โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อกันว่า แนวรับระดับ 1,200 จุดน่าจะเอาอยู่ ซึ่งหมายถึงตลาดหุ้นรอบนี้ใกล้จุดต่ำสุดแล้ว และหากไม่มีปัจจัยลบใหม่เข้ามาซ้ำเติม หุ้นอาจจะลงอีกไม่มาก
นักลงทุนอาจเริ่มหาจังหวะทยอยช้อนซื้อหุ้นได้ โดยเฉพาะการเลือกหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีเพื่อการถือยาว
เช่นเดียวกับหุ้นกลุ่มธนาคาร แม้ว่าแนวโน้มผลประกอบการยังน่าเป็นห่วง แต่ราคาที่เป็นขาลงมายืดเยื้อ และลงมาลึกมาก ทำให้เริ่มเป็นที่น่าสนใจ จนนักลงทุนบางส่วนทยอยช้อนเก็บ เพราะเห็นว่า ความเสี่ยงในการปรับตัวลงเหลือน้อยแล้ว
ท่ามกลางกระดานหุ้นที่แดงฉานเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา หุ้นธนาคารพาณิชย์กลับเขียวอย่างโดดเด่น แม้จะปรับตัวขึ้นไม่มาก แต่ก็สามารถขึ้นสวนทางตลาดที่ร่วงหนัก แสดงว่า ราคาหุ้นเริ่มจะแข็ง ทนกับผลกระทบปัจจัยลบได้
การพลิกตัวกลับของหุ้นกลุ่มธนาคาร ท่ามกลางภาวะตลาดที่ผันผวน อาจเป็นสัญญาณของจุดเปลี่ยนหุ้นกลุ่มนี้ และนักลงทุนควรเฝ้าติดตาม จุดพลิกลับของหุ้นธนาคาร