"พราว เรียลเอสเตท" ชี้ผลจากโควิด-19 ทำให้หัวหินยิ่งได้รับความนิยม คนไทยและต่างชาติมองหาอสังหาฯ เพื่อเป็นบ้านหลังที่ 2 เผยโครงการอินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน ยอดขายพุ่ง 2,300 ล้านบาท เจาะพฤติกรรมลูกค้าจากเชียงใหม่ อีสาน สมุทรสาคร จองซื้อในโครงการ แย้มมีหลายโครงการมาเสนอขาย
นายไพสิฐ แก่นจันทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พราว เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยผลจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ตลาดหัวหินได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้ที่กำลังมองบ้านหลังที่ 2 ประกอบกับด้วยศักยภาพของหัวหินที่พร้อมด้วยปัจจัย 4 ทั้งเรื่องที่อยู่อาศัย โรงพยาบาล ร้านอาหาร และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ทำให้ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในหัวหินเพิ่มสูงขึ้น
"หลังโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ภาครัฐมีการคลายล็อกดาวน์มากขึ้น ก็ยิ่งทำให้ตลาดอสังหาฯ ในหัวหินได้รับความนิยม โดยโครงการอินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน เดือนกรกฎาคมและสิงหาคม สามารถสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 700 ล้านบาท และเมื่อรวมกับยอดขายช่วงต้นปี ทำให้ปัจจุบัน ทางโครงการมียอดขายเข้ามาแล้ว 2,300 ล้านบาท คิดเป็น 65 เปอร์เซ็นต์ ของมูลค่าโครงการประมาณ 3,500 ล้านบาท และคาดว่าภายในสิ้นปีจะกวาดยอดขายได้รวม 2,800ล้านบาท หรือคิดเป็น 80 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าโครงการ"
โดยกลุ่มลูกค้าที่มาซื้อโครงการในขณะนี้จะเป็นกลุ่มลูกค้าคนไทยที่มีกำลังซื้อสูง นักธุรกิจ และเจ้าของโครงการอสังหาฯ ที่เข้ามาซื้อห้องชุด ซึ่งลูกค้าชาวไทยที่มาซื้อจะมีทั้งจากจังหวัดเชียงใหม่ พื้นที่จังหวัดทางภาคอีสาน สมุทรสาคร และจังหวัดทางภาคใต้ ส่วนลูกค้าต่างชาติในเบื้องต้นมียอดขาย 5 ยูนิต มูลค่าขายกว่า 100 ล้านบาท มีทั้งที่อยู่อาศัยในประเทศไทยและจากประเทศรัสเซีย
"ถ้าไม่มีโควิด-19 คาดว่ายอดขายของโครงการอินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส อาจจะปิดการขายไปแล้ว แต่ตัวเลขที่ทำได้ในปัจจุบัน ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ เนื่องด้วยของแบรนด์ระดับโลก ทำเล และดีไซน์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ซึ่งต้องถือว่าเป็นโครงการที่ราคาแพงที่สุดในหัวหิน ราคาขายเริ่มต้น 2.5-3 แสนกว่าบาทต่อตารางเมตร โดยราคาอสังหาฯ ในหัวหินแต่ละปีจะปรับขึ้น 3-5 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ตัวโครงการจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2565"
อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของแผนการลงทุนใหม่ๆ นั้น ทางบริษัทพราวฯ ยังไม่ได้รีบเร่ง และอาจจะไม่เห็นการลงทุนในช่วง 1-2 ปี โดยเราต้องการเน้นโครงการที่มีอยู่ให้สมบูรณ์ที่สุด และคาดว่าเมื่อโครงการแล้วเสร็จและโอนกรรมสิทธิ์ ทางบริษัทฯ จะสามารถบันทึกรายได้ในจำนวนมากทีเดียว ซึ่งปัจจุบัน บริษัทฯ มีกระแสเงินสดจากเงินจองและเงินดาวน์ที่เข้ามาประมาณมากกว่า 230 ล้านบาท (จากลูกค้าคนไทยวงเงิน 10% และลูกค้าต่างชาติอยู่ที่ 30%)
"เราศึกษาทำแผนธุรกิจอยู่ ทำอย่างไรให้บริษัทโตให้ได้ ไม่ว่าแนวสูง แนวราบ โปรเจกต์ไหนทำได้เร็ว ทำได้ช้า เราคงไม่ประกาศว่าจะอยู่หัวหินอย่างเดียว ซึ่งการจะทำโครงการในรูปแบบอินเตอร์คอนฯ ในหัวหิน นั้น เราต้องมีธุรกิจโรงแรมอยู่ ต้องมีกำลังซื้อ"
นายไพสิฐ กล่าวว่า ในขณะนี้มีโครงการมาเสนอกับทางบริษัทฯ หลายโครงการทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ราคาที่เราเห็นลดต่ำกว่า 25% ซึ่งตนมองว่าการซื้อโครงการจะดีกว่า เพียงแต่การบริหารจัดการจะต้องให้ผลตอบแทนไม่เกิน 12 เดือน แต่สิ่งสำคัญตอนนี้ เราสามารถเจียระไนของที่เข้ามาได้