หลังจากหุ้นใหม่ 3 บริษัทที่เข้าซื้อขายช่วงวิกฤต "โควิด-19" พุ่งทะยานอย่างร้อนแรง สร้างผลตอบแทนที่จุใจให้นักลงทุนที่จองซื้อ หุ้นน้องใหม่ตัวล่าสุด บริษัท เอิร์ธ เทค เอนไวรอนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ETC จึงถูกจับจ้อง บนความคาดหวังว่าจะสร้างสีสันในตลาดหุ้นไม่แพ้หุ้นใหม่รุ่นพี่ๆ
แต่นักลงทุนต้องผิดหวังกับหุ้น ETC เพราะแม้ทำท่าจะดีในช่วงเปิดการซื้อขาย แต่สุดท้าย อาการร่อแร่ แทบจะหลุดราคาจอง เพราะมีแรงขายทะลักเข้ามา จนนักลงทุนรายย่อยที่แห่เข้าเก็งกำไรรับมือไม่ไหว
ETC เข้าซื้อขายเมื่อวันอังคารที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา หลังจากนำหุ้น จำนวน 600 ล้านหุ้น เสนอขายนักลงทุนทั่วไปในราคา 2.60 บาท (พาร์ 50 สตางค์) และมีหุ้นส่วนเกินที่เสนอขาย หรือกรีนชูอีก 60 ล้านหุ้น โดยมีค่าพี/อี เรโช ประมาณ 85 เท่า ซึ่งถือว่าสูงมาก
ราคาหุ้นเปิดซื้อขายที่ 4 บาท และถูกลากขึ้นไปสูงสุดที่ 4.60 บาท แต่ถูกทุบลงมาต่ำสุดที่ 2.64 บาท ก่อนจะดีดตัวขึ้นมาปิดที่ 2.72 บาท สูงกว่าจอง 12 สตางค์ หรือ 4.62% ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขาย 1,734.87 ล้านบาท หรือเกือบ 3 เท่าตัวของหุ้นที่นำเสนอขายนักลงทุนทั่วไป
ก่อน ETC จะเคาะซื้อขาย มีนักลงทุนขาใหญ่ที่ถือหุ้นตัวนี้อยู่ และติดอยู่ในผู้ถือหุ้นใหญ่ 10 อันดับแรก พยายามโพสต์ข้อความที่มีลักษณะเชียร์หุ้นผ่านเฟชบุ๊กตัวเอง
และ ETC ก็เป็นศูนย์รวมของขาใหญ่หลายราย จึงถือเป็นหุ้นที่ความเสี่ยงอยู่แล้ว เพราะขาใหญ่อาจเทขายหุ้นทำกำไรเมื่อไหร่ก็ได้ เนื่องจากได้หุ้นต้นทุนต่ำมาก
นอกจากนั้น บริษัท เบตเตอร์เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) หรือ BWG ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 43.93% ของทุนจดทะเบียน โดย หุ้น BWG จัดเป็นหุ้นที่มีการจุดพลุเก็งกำไรร้อนแรงในบางช่วง
แต่เพราะหุ้นน้องใหม่กำลังกลับมาเฟื่องฟู โดย 3 บริษัทก่อนหน้า ราคาพุ่งสูงกว่าจองนับ 100 เปอร์เซ็นต์ นักลงทุนรายย่อยจึงพร้อมกระโจนเข้าเก็งกำไรหุ้น ETC และกลายเป็นเหยื่อของหุ้นน้องใหม่ตัวนี้ เพราะเชื่อว่าส่วนใหญ่ขาดทุนกัน
ปริมาณการซื้อขายที่หนาแน่น แรงขายที่ไหลทะลักออกมา เชื่อว่าน่าจะมีขาใหญ่เทขายหุ้นทิ้ง ชิงกอบโกยกำไร ผ่องถ่ายหุ้นต้นทุนถูก ให้รายย่อยถือต่อในราคาแพง ซึ่งหากตรวจสอบทะเบียนผู้ถือหุ้น อาจไม่มีรายชื่อขาใหญ่หลายคนปรากฏใน ETC แล้วก็ได้
นอกเหนือจากแมลงเม่าที่แห่เข้าไปตายในกองไฟหุ้น ETC แล้ว หุ้นตัวแม่ BWG ซึ่งก่อนหน้าราคาถูกลากขึ้นมารับข่าวบริษัทลูกเข้าตลาดหุ้น ก็ถูกถล่มขายตามไปด้วย โดยราคารูดลงติดพื้น ปิดที่ 64 สตางค์ ลดลง 11 สตางค์ หรือลดลง 14.67%
การแจ้งเกิดของหุ้นตัวลูกจึงทำให้หุ้นตัวแม่ต้องตาย และกลายเป็นหุ้นแม่ลูกตัวอันตรายไปโดยปริยาย เพราะราคาอาจปรับฐานลงต่อเนื่อง
ถ้าหุ้นน้องใหม่รุ่นพี่ 3 ตัวก่อนหน้า ไม่ร้อน ราคาไม่วิ่งกระฉูดสูงกว่าจองนับร้อยๆ เปอร์เซ็นต์ ปลุกกระแสการเก็งกำไรหุ้นใหม่อีกครั้ง หุ้น ETC อาจไม่สามารถตั้งราคาขายที่ 2.60 บาทได้
แต่เพราะกระแสหุ้นใหม่กำลังฟื้นกลับมา จึงเป็นโอกาสของ ETC ทั้งการตั้งราคาขายหุ้นที่สูงลิบ ทั้งจังหวะในการเข้าตลาด ทำให้สามารถลากขึ้นไปสูงกว่าราคาจองได้กว่า 70% จนให้รายย่อยที่ตามแห่เข้าไปเก็งกำไรถูกเชือด
แม้ว่าประเดิมเคาะวันแรก ราคาหุ้นจะยืนเหนือจองได้ แต่สิ่งที่ต้องจับตาต่อไปคือ ETC จะยืนเหนือจองได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่
รายย่อยที่แห่เก็งกำไรหุ้นน้องใหม่ตัวนี้ คง ขายไม่ทัน แต่ขาใหญ่อาจเผ่นออกหมดแล้ว