บรรยากาศการซื้อขายหุ้นใหม่กลับสู่ความคึกคักเต็มรูปแบบอีกครั้ง หลังหุ้นใหม่ทั้ง 3 บริษัทที่เข้ามาซื้อขายนับจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ราคาพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง โดยเฉพาะ 2 บริษัทหลังที่เข้าซื้อขายในตลาด MAI ซึ่งราคาถูกลากขึ้นสูงสุดชนเพดาน 200% ในวันแรก
บริษัท ศรีตรัง โกลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT เป็นหุ้นน้องใหม่ตัวแรกที่เข้าซื้อขายหลังเกิดการแพร่ระบาดของ “โควิด-19” โดยราคาจอง 34 บาท และเข้าซื้อขายวันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยปิดที่ 60.50 บาท สูงกว่าจอง 26.50 บาท หรือสูงกว่าจอง 77.94%
STGT กลายเป็นหุ้นน้องใหม่ในรอบ 3 ปีที่สร้างผลตอบแทนสูงที่สุด แต่สถิติต้องถูกทำลายจากหุ้นน้องใหม่ตัวต่อมาคือ บริษัท ซิลิคอน คราฟท์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SICT ซึ่งเข้าจดทะเบียนในตลาด mai เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ราคาจอง 1.38 บาท
แต่เคาะซื้อขายกันที่ราคาสูงสุดติดเพดาน 200% ในทันทีที่เปิดตลาด และยืนในราคาซิลลิ่งจนปิดตลาดที่ 4.14 บาท นอกจากนั้น ยังพุ่งขึ้นสูงสุดชนเพดานอีก 3 วันติดต่อ จนกระทั่งวันที่ 5 เปิดซื้อขายก็ยังซิลลิ่ง ก่อนจะมีแรงขายทะลักออกมา จนราคาอ่อนตัวลง และปิดการซื้อขายที่ราคาต่ำสุด หรือติดฟลอร์
SICT เป็นหุ้นน้องใหม่ตัวแรกในประวัติศาสตร์ที่ราคาพุ่งขึ้นชนเพดานสูงสุดติดต่อ 4 วัน นับจากวันแรกที่เข้าซื้อขาย
ส่วนบริษัท ไอแอนด์ไอ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ IIG เป็นน้องใหม่ตัวล่าสุดที่เข้าซื้อขาย และได้รับอานิสงส์จากความร้อนแรงของ SICT โดยเปิดการซื้อขายวันแรก (6 ส.ค.) ราคาพุ่งขึ้นชนเพดานสูงสุด 200% ทันทีจากราคาจอง 6.60 บาท เคาะซื้อกันที่ 19.80 บาท และยืนราคาซิลลิ่งกระทั่งปิดการซื้อขาย
และซื้อขายวันที่ 2 มีความพยายามลากกันขึ้นไปชนเพดานสูงสุดต่อเนื่อง แต่ลากไม่ไหว เพราะมีแรงขายทำกำไรออกมา อย่างไรก็ตาม ราคาก็ยังพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง โดยปิดที่ 22.30 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท หรือเพิ่มขึ้น 12.63%
ความร้อนแรงของหุ้นน้องใหม่ทั้ง 3 บริษัท ทำให้นักลงทุนตั้งข้อสงสัยในพฤติกรรม เพราะอาจมีกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่สร้างราคาหุ้น จน ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ต้องออกมายืนยันว่า ได้มีการตรวจสอบการซื้อขายหุ้นใหม่ทุกบริษัท
แต่ยังไม่ระบุว่า พบความผิดปกติในการซื้อขายหรือไม่
ในบรรดาหุ้นใหม่ 3 บริษัท หุ้นที่ร้อนแรงและถูกจับตามากที่สุดคือ หุ้น SICT ซึ่งถูกลากขึ้นชนเพดานสูงสุด 5 วันติด ก่อนจะถูกทุบจนรูดติดฟลอร์วันที่ 5 ขณะที่มูลค่าการซื้อขาย 4 วันก่อนหน้าไม่มากนัก
แต่วันที่มีการลากขึ้นชนเพดานติดต่อเป็นวันที่ 5 ก่อนจะมีแรงขายทุบลงจนติดฟลอร์นั้น มูลค่าการซื้อขายกลับพองโต 153 ล้านหุ้น หรือมากกว่า 153% ของหุ้นที่บริษัทนำมาเสนอขาย
ขณะที่หุ้น IIG ราคาก็เคลื่อนไหวอย่างหวือหวาเหมือนกัน ทั้งที่ลักษณะธุรกิจของบริษัท นักลงทุนยังไม่มีความเข้าใจมากนัก
การที่หุ้นใหม่เข้ามาสร้างสีสันในตลาด สร้างผลตอบแทนงามๆ ให้นักลงทุน เป็นสิ่งที่ดี แต่เรื่องที่นักลงทุนกังวลคือ ราคาหุ้นใหม่แต่ละบริษัทที่ร้อนแรง เป็นไปตามกลไกตลาดที่แท้จริง หรือเป็นเพราะมีใครพยายามสร้างราคาที่บิดเบือนหรือไม่
มีกลุ่มนักลงทุนขาใหญ่สร้างราคาหุ้นหรือไม่
ถ้ามีการสร้างราคา นักลงทุนที่ตามแห่เก็งกำไรหุ้นใหม่ จะกลายเป็นเหยื่อหุ้นใหม่ และเกิดความเสียหายตามมา
ตลาดหลักทรัพย์และตลาด mai จึงอย่าด่วนภาคภูมิใจในการนำหุ้นใหม่ที่สร้างผลตอบแทนงามๆ มาให้นักลงทุน
แต่ควรต้องตรวจสอบการซื้อขายหุ้นใหม่อย่างเข้มงวด โดยไม่ปล่อยให้คนกลุ่มใดเข้ามาบิดเบือนกลไกตลาด สร้างราคาหุ้น
เพราะถ้าราคาหุ้นใหม่สูงกว่าปัจจัยพื้นฐานที่เป็นจริง ถึงช่วงเวลาหนึ่งหุ้นจะต้องปรับฐานลงสู่พื้นฐานที่เป็นจริง
นักลงทุนที่กำลังแห่เก็งกำไร จะ เจ็บหนักจากหุ้นใหม่