หุ้น บริษัท ศรีตรังโกลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT ประเดิมเข้าตลาดหลักทรัพย์วันแรก (2 ก.ค.) ด้วยความคึกคักสุดเหวี่ยง นักลงทุนแห่เก็งกำไรเคาะซื้อขายกันสนั่นหวั่นไหว และ กลายเป็นหุ้นน้องใหม่ตัวแรกในรอบ 3 ปีที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด
STGT ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายถุงมือยางที่ใช้ทางการแพทย์และอุตสาหกรรมอื่น เป็นบริษัทในกลุ่ม บริษัท ศรีตรังแอโกร อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA ซึ่งถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 50.75% ของทุนจดทะเบียน
ระหว่างวันที่ 23-25 มิถุนายนที่ผ่านมา STGT นำหุ้นจำนวน 432.78 ล้านหุ้น เสนอขายนักลงทุนทั่วไป ในราคาหุ้นละ 34 บาท จากราคาพาร์ 1 บาท มีค่า พี/อี เรโช ประมาณ 67 เท่า โดยบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
STGT เป็นหุ้นน้องใหม่ตัวแรกที่เข้ามาซื้อขาย นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และเป็นหุ้นใหม่ตัวที่ 3 ที่เข้าซื้อขายในปีนี้ ต่อจากบริษัท อิ๊กดราซิล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ YGG ซึ่งเข้าซื้อขายเมื่อวันที่ 7 มกราคม2563 ราคาจอง 5 บาท ซื้อขายวันแรกปิดที่ 6.10 บาท
และหุ้นบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ซึ่งเข้าซื้อขายวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ราคาจอง 42 บาท ซื้อขายวันแรกปิดที่ 41.75 บาท
การเข้ามาซื้อขายของน้องใหม่ STGT ได้รับความสนใจจากนักลงทุน ในฐานะกิจการที่ได้รับอานิสงส์จากวิกฤต “โควิด-19” เช่นเดียวกับ STA เพราะปริมาณความต้องการถุงมือในตลาดโลกเพิ่มมากขึ้น ทำให้แนวโน้มผลประกอบการสดใส
แต่ไม่มีใครคาดคิดว่า STGT จะร้อนแรง จนกลายเป็นหุ้นใหม่ที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดในรอบ 3 ปี
STGT เปิดการซื้อขายที่ราคา 55.25 บาท ซึ่งเป็นราคาต่ำสุด ก่อนจะไล่เคาะกันไปสูงสุดที่ 60.75 บาท และอ่อนตัวลงมาปิดที่ 60.50 บาท สูงกว่าจองหุ้นละ 26.50 บาท หรือสูงกว่าจอง 77.94%
หุ้นใหม่ตัวสุดท้ายในรอบ 3 ปีที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า STGT คือ หุ้นบริษัท ฮิวแมนิก้า จำกัด (มหาชน) หรือ HUMAN ซึ่งเข้าซื้อขายเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2560 ราคาจอง 4 บาท ซื้อขายวันแรกปิดที่ 8.05 บาท สูงกว่าจอง 4.05 บาท หรือสูงกว่าจอง 100.12% โดยบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด ซึ่งอยู่ในกลุ่มเดียวกับ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
ผลประกอบการ STGT ปี 2562 มีกำไรสุทธิ 634.30 ล้านบาท ส่วนไตรมาสแรกปีนี้มีกำไรสุทธิ 421.89 ล้านบาท
หุ้นน้องใหม่ตกอยู่ในภาวะซบเซาติดกันหลายปี เนื่องจากกำหนดราคาหุ้นที่เสนอขายนักลงทุนสูงเกินไป เมื่อเข้ามาซื้อขายจึงต่ำกว่าจอง จนหุ้นใหม่เสื่อมความนิยม และช่วงหลังประสบปัญหาการเสนอขาย จนบริษัทผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายต้องรับหุ้นที่เหลือขายเข้าพอร์ต แบกรับขาดทุนตามๆ กัน
ครึ่งปีหลัง มีหุ้นใหม่รอคิวเข้าซื้อขายนับสิบบริษัท โดยแต่ละบริษัทรอจังหวะให้วิกฤต “โควิด-19” คลี่คลาย เพื่อตั้งราคาเสนอขายได้สูงๆ และลดความเสี่ยงจากหุ้นราคาต่ำจอง
แต่ STGT ไม่รอ โดยท้าพิสูจน์ความแข็งแกร่งในปัจจัยพื้นฐานของบริษัทสู่วิกฤต “โควิด-19” และโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยม เพราะใครได้โควตาจอง ร่ำรวยกันถ้วนหน้า
STGT สร้างสีสัน นำร่องหุ้นใหม่ที่รอจังหวะเข้าซื้อขายในครึ่งปีหลังแล้ว โดยกระตุ้นความสนใจในหุ้นจองมากขึ้น แต่นักลงทุนอย่าเพิ่งมั่นใจว่า สถานการณ์หุ้นใหม่จะเปลี่ยนไป
และ อย่าคิดว่าหุ้นใหม่ตัวแน่ๆ จะสร้างผลตอบแทนงามๆ ได้เหมือน STGT
หุ้นใหม่หลายสิบตัวที่เข้าตลาดมาก่อนหน้า และราคาต่ำจอง ไม่ใช่เพราะภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวย แต่เป็นเพราะตั้งราคาขายแพงเกินไป ตั้งใจเอารัดเอาเปรียบนักลงทุนมากเกินไป
STGT ปลุกผีหุ้นใหม่ขึ้นมาแล้ว วางมาตรฐานการกำหนดราคาขายหุ้นไว้ดีแล้ว คงต้องเฝ้าดูกันว่า หุ้นน้องใหม่ต่อจากนี้จะมีตัวไหนทำลายมาตรฐานที่ดี กำหนดราคาขายแพงเกินไปหรือไม่
ถ้ามีหุ้นใหม่ราคาต่ำจองอีก นักลงทุนต้อง ช่วยกันโห่ไล่ โห่ทั้งบริษัทจดทะเบียนใหม่ โห่ไล่ทั้งบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินและบริษัทแกนนำผู้จัดจำห่ายและรับประกันจำหน่าย *โห่ให้ได้อาย กันบ้างละ