รัฐปลดล็อกมาตรการเฟส 6 หวังเศรษฐกิจขับเคลื่อนและฟื้น เม็ดเงินต่างชาติไหลกลับคืนมา เริ่มจากกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ถือบัตรไทยแลนด์อีลิทการ์ด และกลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามารับการรักษาทางการแพทย์ได้สิทธิก่อน เอื้อประโยชน์โรงพยาบาลเอกชน “กรุงเทพดุสิตเวชการ” ยิ้มไทยเปิดน่านฟ้าดึงกลุ่มลูกค้าต่างประเทศกลับมาใช้บริการเพิ่ม ขณะที่ผู้ป่วยคนไทยจะกลับมาปกติไตรมาส 3 ส่งผลดีต่อบริษัทในครึ่งปีหลัง โบรกเกอร์ประสานเสียง หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลฟื้นตัว เด่นสุดในกลุ่ม “BDMS” แนะนำให้ซื้อ
รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS กล่าวว่า จากมาตรการผ่อนปรนเฟส 6 หากประเทศไทยเปิดน่านฟ้าให้สามารถเดินทางระหว่างประเทศได้จะทำให้มีกลุ่มลูกค้าจากต่างประเทศเข้ามาใช้บริการเพิ่มมากขึ้น เช่น คนไข้ระดับบนและกลุ่มท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ Medical Tourism กลุ่มนักธุรกิจ และกลุ่มบุคคลที่มีกำลังซื้อสูง เข้ามาขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศ ส่งผลดีต่อบริษัทในครึ่งปีหลังนี้
หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง และตัวเลขผู้ติดเชื้อมีวันละไม่กี่คน ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตไม่ได้เพิ่มขึ้น รัฐจึงทยอยปลดล็อกทีละเฟสกระทั่งมาถึงมาตรการผ่อนปรนเฟส 6 นั่นคืออนุญาตให้มีการเดินทางระหว่างประเทศมากขึ้น เช่น การเดินทางเข้ามาของแรงงานต่างด้าวในอุตสาหกรรมก่อสร้าง หรือในอุตสาหกรรมธุรกิจผลิตอาหารหรือการแสดงสินค้า ตลอดจนการอนุญาตให้เข้ามาถ่ายทำของกองถ่ายภาพยนตร์ต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังได้ให้สิทธิพิเศษแก่นักท่องเที่ยวเฉพาะบางกลุ่มอย่างนักท่องเที่ยวที่ถือบัตรไทยแลนด์อีลิทการ์ด ซึ่งมีกำลังซื้อสูง โดยมีข้อแม้ว่าให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขคือ ให้กักตัวผู้เดินทางทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้ามาในราชอาณาจักรโดยใช้สถานประกอบการธุรกิจโรงแรม หรือสถานที่ที่รัฐกำหนดให้เป็น หรือ Alternative State Quarantine ตลอดจนผู้ที่เข้ามานั้นจะต้องมีกรมธรรม์ประกันสุขภาพ มีวงเงินเอาประกันที่ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลในประเทศไทย และกลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามารับการรักษาทางการแพทย์ (Medical and Wellness) เช่น เสริมความงาม ทันตกรรม หรือการรักษาทางการแพทย์อื่นๆ ซึ่งจะต้องอยู่ในการดูแลควบคุมตามมาตรการและเงื่อนไขที่กรมควบคุมโรคกำหนด
อย่างไรก็ตาม จากการที่ได้มีการประกาศมาตรการผ่อนคลายในระยะต่างๆ ส่วนหนึ่งเพื่อต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวกลับขึ้นมาโดยเร็ว หลังใช้มาตรการเข้มงวดเมื่อไวรัสโควิด-19 ระบาดจนถึงขั้นประกาศใช้มาตรการฉุกเฉินและล็อกดาวน์ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมเรื่อยมา ส่งผลกระทบต่อทุกภาคธุรกิจ ประชาชนที่เคยทำงานก็ถูกเลิกจ้าง ดังนั้น การปลดล็อกดาวน์นี้จะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวและฟันเฟืองทางธุรกิจเดินหน้าได้อีกครั้ง โดยจะทำให้ประชาชนกลับมามีกิจกรรมทางสังคมมากขึ้น เช่น การท่องเที่ยว จับจ่ายใช้สอยผ่านนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลได้กำหนดออกมาก่อนหน้านี้แล้ว เช่น เราเที่ยวด้วยกัน ที่มาจากการรวมโครงการ เราไปเที่ยวกันและเที่ยวปันสุข เพื่อให้เกิดการกระจายการใช้จ่ายมีเม็ดเงินหมุนเวียนในตลาดทุกระดับทั่วทุกๆ ภูมิภาค
ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวถึงเงื่อนไขมาตรการผ่อนปรนในการให้สิทธิแก่กลุ่มผู้ถือบัตร Thailand Elite Card ในการอนุญาตให้เดินทางเข้ามาในประเทศไทยว่า ระยะแรกนี้จะเริ่มนำร่องอนุญาตให้ชาวต่างชาติที่ถือบัตร Thailand Elite Card เดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้เพียง 200 รายนั้น โดยจะเน้นกลุ่มที่เป็นนักธุรกิจ และนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูงเป็นหลัก ซึ่งทุกคนที่จะเดินทางเข้ามานั้นต้องปฏิบัติตามกฎที่กรมควบคุมโรคกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
“ชาวต่างชาติผู้ถือบัตร Thailand Elite Card ถือได้ว่าเป็นกลุ่มที่มีกำลังทรัพย์ซื้อสูงและมีความพร้อมในการใช้จ่ายอย่างมาก โดยเฉพาะเงื่อนไข Alternative Quarantine ที่กำหนดไว้นั้นว่านอกจากจะต้องมีกรมธรรม์ประกันสุขภาพ มีวงเงินเอาประกันที่ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลในไทยแล้ว ผู้ที่จะเข้ามาจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายใน Alternative Quarantine เองหมดทั้ง และจะต้องเป็นโรงแรมเฉพาะในกรุงเทพฯ ซึ่งอยู่ในรายชื่อที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความสะดวกในการเฝ้าระวัง ซึ่งจากฐานข้อมูลสมาชิกบัตร Elite Card พบว่า สมาชิกผู้ถือบัตรสามารถอยู่พักอาศัยในประเทศไทยได้สั้นที่สุด 5 ปีนานที่สุดถึง 20 ปี ตามประเภทของบัตรที่ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 5 แสนบาทไปจนถึง 2 ล้านบาท โดยจากผลสำรวจความต้องการซื้อบัตร Elite Card ในช่วงครึ่งแรกของปี (สิ้นสุดที่ มิ.ย.2563) มีชาวต่างชาติสนใจขอซื้อ Elite Card เพิ่มขึ้นถึง 20% เทียบปีก่อน ซึ่งจากเงื่อนไขคุณสมบัติของผู้ถือบัตร Thailand Elite Card เน้นให้เอกสิทธิ์แก่กลุ่มชาวต่างชาติทั้งนักลงทุน นักธุรกิจ หรือเศรษฐีในประเทศต่างๆ ที่มีกำลังซื้อสูง โดยปัจจุบันมีสมาชิกรวมทั้งสิ้น 10,363 ราย แบ่งเป็นจีน 38% ญี่ปุ่น 9% สหรัฐอเมริกา 7% และสหราชอาณาจักร 7%”
ขณะที่ ชาวต่างชาติกลุ่ม Medical & Wellness Program ที่แสดงความจำนงในการเดินทางเข้ามาเพื่อรับการรักษาพยาบาลในไทย ก็ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ทางกรมควบคุมโรคกำหนดไว้เช่นกัน โดยหากเข้ามาพักรักษาอยู่ในโรงพยาบาลครบ 14 วันแล้ว ถึงจะสามารถเดินทางท่องเที่ยวต่อไปในที่ต่างๆ ได้
บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS บริษัทจดทะเบียนที่ถือได้ว่ามีภาษีดีที่สุดในหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลเอกชน เนื่องจากเป็นหุ้นจดทะเบียนที่มีโรงพยาบาลในเครือทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดจำนวนมากถึง 49 แห่ง ปัจจุบันมีจำนวนเตียงที่พร้อมใช้งาน 6,000 เตียง ซึ่งมีการใช้งานอยู่ประมาณ 4,000 เตียง ยังเหลือรองรับได้อีก 2,000 เตียง และด้วยศักยภาพความพร้อมของโรงพยาบาลในเครือยังสามารถขยายเพิ่มได้ถึง 8,500 เตียง มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและพยาบาลกว่า 22,000 คน ตลอดจนถึงการเข้าไปลงทุนโรงพยาบาลในประเทศกัมพูชาอีก 2 แห่ง แบ่งเป็นกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ 25 แห่ง กลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวช 6 แห่ง โรงพยาบาล BNH กลุ่มโรงพยาบาลรอยัล 2 แห่ง กลุ่มโรงพยาบาลพญาไท 5 แห่ง กลุ่มโรงพยาบาลเปาโล 6 แห่ง และกลุ่มโรงพยาบาลชุมชนอีก 3 แห่ง จนกลายเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจด้านการพยาบาลติดอันดับ 1 ใน 5 ของผู้ประกอบการโรงพยาบาลเอกชนของโลกในด้านมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด ณ วันที่ 24 กรกฎาคม 2563 กว่า 344,856.44 ล้านบาท และใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งสามารถให้การรักษาพยาบาลชาวต่างชาติที่เข้ามาใช้บริการได้ครอบคลุมทั้งหมด
นอกจากนี้ BDMS ยังได้เข้าไปลงทุนในกิจการอื่นๆ ล่าสุด ได้เข้าไป ลงทุนใน “ผิงอัน เฮลธ์” บริษัทเจ้าตลาดผู้ประกอบธุรกิจด้านการประกันในจีน ซึ่งมีฐานลูกค้าชาวจีนจำนวนมาก ปัจจุบันถือได้ว่าการเติบโตทางธุรกิจในจีน ทำให้ฐานลูกค้าเดิมที่มีศักยภาพและเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และขยายตัวไปยังประเทศต่างๆ ทั่วทั้งภูมิภาค เพื่อรองรับทั้งด้านปริมาณผู้ป่วยที่เดินทางเข้ามารักษาพยาบาลและกำลังซื้อจำนวนมาก
อย่างไรก็ดี ประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการร่วมธุรกิจกันในครั้งนี้ จะเห็นได้ว่าทาง BDMS นอกจากจะได้จำนวนลูกค้าที่เป็นผู้ป่วยมีกำลังซื้อสูงจำนวนมากเข้ามาแล้ว ยังสามารถเพิ่มทางเลือกในการเสนอแนวทางการรักษาและบริการสุขภาพในด้านต่างๆ ที่พัฒนาขึ้นเฉพาะสำหรับกลุ่มลูกค้า “ผิงอัน เฮลธ์” โดยเฉพาะ เช่น การโปรแกรมตรวจร่างกายพื้นฐาน โปรแกรมตรวจคัดกรองและการรักษาโรคมะเร็ง การรักษาด้านศัลยกรรมกระดูก การผ่าตัดเปลี่ยนสะโพกและการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า การรักษาโรคหัวใจและระบบประสาท ซึ่งโรงพยาบาลในเครือ BDMS มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางที่หลากหลายในการให้บริการ ตลอดจนถึงการบริการพิเศษในการให้คำปรึกษาโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในประเทศไทย การให้บริการด้านวีซ่า ตลอดจนการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยหรือการเดินทางจากสนามบินเพื่อเข้ารับการรักษาได้อย่างรวดเร็ว
นอกเหนือจากนั้น จากการที่ ธุรกิจของ BDMS เกี่ยวโยงเป็นเครือข่ายเดียวกันกับธุรกิจการบิน ซึ่งให้บริการโดย บมจ.การบินกรุงเทพ หรือ BA ผู้ให้บริการสายการบิน บางกอกแอร์เวย์ส โดยให้บริการทั้งเส้นทางบินในประเทศและภูมิภาค ก็สามารถที่จะผนวกเชื่อมโยงเข้ากับธุรกิจเดินทางท่องเที่ยวได้ด้วยเช่นกัน ไม่ใช่เพียงแค่การรักษาพยาบาลเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เช่นกรณีหากผู้ป่วยที่เดินทางเข้ามารับการตรวจรักษา หรือใช้บริการด้านสุขภาพที่ศูนย์ BDMS Wellness Clinic เสร็จแล้วก็สามารถที่จะท่องเที่ยวไปยังสถานที่ท่องเที่ยวในทุกภูมิภาคของไทย ซึ่งเชื่อมโยงอยู่ในเส้นทางการบินของ BA คู่ไปด้วย ก็ถือได้ว่าโกยกำไรสองต่อ เพราะจากสถิตินักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยตลอดหลายปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวจากประเทศจีนถือครองส่วนแบ่งมากที่สุด ขณะเดียวกัน ส่วนของผลประโยชน์ที่ทาง “ผิงอัน เฮลธ์” จะได้ ก็สามารถที่จะบวกราคาขายแพกเกจประกันให้สูงขึ้นได้ อีกทั้งอาจได้ค่านายหน้าแนะนำจากลูกค้าจีนที่เดินทางมาใช้บริการโรงพยาบาลในเครือ BDMS ด้วย
ทั้งนี้ ประมาณการเบื้องต้น จะมีลูกค้าชาวจีนที่ทำประกันของ “ผิงอัน เฮลธ์” เข้ามารับบริการรักษาโรคมะเร็ง และศัลยกรรมกระดูกอย่างน้อย 1,000-4,000 คนต่อปี ซึ่งจะสามารถสร้างรายได้ให้แก่ BDMS เฉลี่ยปีละ 1,000-2,000 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 1-2% ของรายได้ในปี 2562 ซึ่งถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งช่องทางของรายได้ในธุรกิจการพยาบาลของ BDMS ซึ่งจากการประกาศคลายล็อกเฟส 6 จะเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยต่างชาติเดินทางเข้ามารักษาในประเทศไทย ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยได้
นฤมล น้อยอ่ำ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS กล่าวว่า จากมาตรการผ่อนปรนเฟส 6 หากประเทศไทยเปิดน่านฟ้าให้สามารถเดินทางระหว่างประเทศได้จะทำให้มีกลุ่มลูกค้าจากต่างประเทศเข้ามาใช้บริการเพิ่มมากขึ้น เช่น คนไข้ระดับบนและกลุ่มท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ Medical Tourism กลุ่มนักธุรกิจ และกลุ่มบุคคลที่มีกำลังซื้อสูง เข้ามาขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศส่งผลดีต่อบริษัทในครึ่งปีหลังนี้
“แม้ว่าจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ทำให้กระทบต่อภาพรวมธุรกิจและแผนการลงทุน ซึ่งครึ่งปีแรก BDMS มีแผนที่จะเข้าซื้อหุ้นของ บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ หรือ BH แต่ต่อมาก็ได้ยกเลิกแผนทำคำเสนอซื้อหุ้นดังกล่าวไป ขณะเดียวกันนอกจากการเข้าร่วมธุรกิจกับผิงอันแล้ว ก็ยังไม่มีแผนการลงทุนสำรองอื่นๆ เพิ่มเติม รวมไปถึงแผนการเข้าซื้อกิจการของโรงพยาบาลแห่งอื่นด้วย”
“สถานการณ์ก่อนช่วงเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 BDMS มีสัดส่วนรายได้มาจากลูกค้าคนไทย 70% ของรายได้รวม ขณะที่อีก 30% มาจากลูกค้าจากต่างประเทศ โดยจำนวนนี้ แบ่งเป็นลูกค้าชาวจีน 1-2% และหลังจากการเซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับผิงอันแล้ว คาดหวังว่าจะช่วยเพิ่มสัดส่วนลูกค้าชาวจีน ขึ้นมาเป็น 1 ใน 3 ของลูกค้าต่างประเทศ จากปัจจุบันอยู่ลำดับที่ 4”