xs
xsm
sm
md
lg

“เสี่ยยักษ์” รวยหุ้นชั่วพริบตา / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ถ้าคำนวณจากราคาหุ้น บริษัท ศรีตรังโกลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ STGT ที่ 80.25 บาท ซึ่งเป็นราคาปิดวันพุธ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายวิชัย วชิรพงศ์ หรือเสี่ยยักษ์ นักลงทุนรายใหญ่ชื่อดังฟันกำไรจากหุ้นตัวนี้เพียงตัวเดียวถึง 1,026.75 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินก้อนโตที่ได้มาง่ายเหลือเกิน

เสี่ยยักษ์ ปรากฏรายชื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 7 ของ STGT โดยถือหุ้น จำนวน 22.20 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 1.55% ของทุนจดทะเบียน และหุ้นที่ถืออยู่ถ้าได้รับการจัดสรรในราคา 34 บาท เช่นเดียวกับราคาที่นักลงทุนทั่วไปจองซื้อ จะมีกำไรหุ้นละ 46.25 บาท

กำไรจากหุ้น STGT ตัวเดียว เป็นเงินก้อนโตกว่า 1 พันล้านบาท ทำให้เสี่ยยักษ์ถูกพูดถึงอีกครั้ง เพราะปีนี้ไม่ง่ายที่จะหาเงินจากตลาดหุ้น โดยเฉพาะเงินระดับพันล้านบาท แม้จะเป็น "ขาใหญ่" เก่งขนาดไหนก็ตาม

เสี่ยยักษ์ เริ่มเข้าลงทุนในตลาดหุ้นประมาณปี 2530 ในช่วงวิกฤตแบล็กมันเดย์ วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม ด้วยวงเงินลงทุนประมาณ 2.50 ล้านบาท ซึ่งขาดทุนในการลงทุนครั้งแรกประมาณ 5 แสนบาท และเหลือเงินลงทุนประมาณ 2 ล้านบาท

แต่วงเงิน 2 ล้านบาท ภายในเวลาประมาณ 32 ปี พอร์ตเติบโตกลายเป็นหลายพันล้านบาท

และจากนักลงทุนรายย่อย หรือนักลงทุนที่จัดหมวดหมู่เป็นแมลงเม่า ปัจจุบันยกระดับเป็นนักลงทุนรายใหญ่ชื่อเสียงโด่งดัง

พอร์ตเสี่ยยักษ์เมื่อสิ้นปี 2562 คำนวณจากมูลค่าหุ้นที่ถือทั้งหมด 5 บริษัท มีจำนวนทั้งสิ้น 4,267 ล้านบาท โดยถือหุ้นบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM จำนวน 402.66 ล้านหุ้น หรือสัดส่วน 2.63% ของทุนจดทะเบียน คิดเป็นมูลค่า 3,946 ล้านบาท

จากวงเงินลงทุน 2 ล้านบาท สามารถสร้างจนเติบใหญ่ กลายเป็นพอร์ตลงทุนที่มีข้อมูลเปิดเผยจำนวน 4,267 ล้านบาท ถือว่าเสี่ยยักษ์ทำกำไรได้ประมาณ 2,100 เท่า ภายในเวลาประมาณ 32 ปี ซึ่งเป็นเรื่องปาฏิหาริย์ เพราะตลอด 32 ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นเจอวิกฤตใหญ่หลายครั้ง

หลังจากวิกฤตแบล็กมันเดย์แล้ว ยังมีวิกฤตสงครามอ่าวเปอร์เซียในปี 2533 วิกฤตค่าเงินเปโซของเม็กซิโกต้นปี 2537 วิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 และยังไม่นับรวมวิกฤตย่อยๆ อีกหลายครั้ง ซึ่งนักลงทุนขาใหญ่หรือรายย่อยจำนวนไม่น้อยต้องย่อยยับ ไม่รอดจากวิกฤต ต้องยกธงขาว โยนผ้ายอมแพ้ ถอนตัวออกจากตลาดหุ้น

แต่เสี่ยยักษ์ยังอยู่ และกลายเป็นขาใหญ่ในลำดับต้นๆ ของตลาดหุ้นไทย กอบโกยความมั่นคั่งไว้ จนชาตินี้ไม่มีวันใช้หมด

ถ้าดูจากเส้นทางการลงทุนของเสี่ยยักษ์ มีโอกาสพลาดได้ตลอดทาง เพราะหุ้นหลายตัวที่ลงทุน เป็นหุ้นร้อน และบางตัวปัจจุบันอยู่ในสภาพตายซาก ซึ่งพอร์ตเสี่ยยักษ์น่าจะพังหรือเสียหายจากหุ้นร้อน แต่พอร์ตกลับโตมาได้ต่อเนื่อง

และการสร้างพอร์ตให้โตกว่า 2,000 เท่า ภายในเวลาประมาณ 32 ปี ก็ไม่ใช่เรื่องธรรมดา และมีเพียงนักลงทุน 1 ใน 10,000 เท่านั้นที่จะทำได้

เพราะเสี่ยใหญ่ในตลาดหุ้นมีจำนวนเพียงนับสิบเท่านั้น แต่นักลงทุนประเภทแมลงเม่าที่ยังควานหาความร่ำรวยจากตลาดหุ้นมีจำนวนเกือบ 2 ล้านคน

32 ปีของเสี่ยยักษ์ เล่นหุ้นอย่างไรจึงรวยหลายพันล้านบาท ถ้าจะรู้แจ้งเห็นจริงถึงเบื้องลึกได้ ต้องเปิดพอร์ตเสียยักษ์ดูย้อนหลังอย่างละเอียด ดูว่า เล่นหุ้นตัวใดบ้าง เข้าออกเมื่อไหร่ รวยมาจากหุ้นประเภทไหน พฤติกรรมหุ้นที่เข้าไปเล่นเป็นอย่างไร และมีกลุ่มมีก๊วนขาใหญ่ด้วยกันหรือไม่

แต่สำหรับความร่ำรวยชั่วพริบตากว่า 1 พันล้านบาทในปัจจุบัน ไม่มีข้อสงสัย เพราะ STGT เขาให้






กำลังโหลดความคิดเห็น