การซื้อขายครั้งสุดท้ายหุ้น บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ SSI ปิดฉากลงแล้ว พร้อมกับ โศกนาฏกรรมของผู้ถือหุ้น จำนวน 17,424 ราย ซึ่งล่มสลายไปพร้อมกับบริษัทจดทะเบียนแห่งนี้
ความพยายามเยียวยาผู้ถือหุ้น SSI โดยเปิดให้ซื้อขายหุ้นครั้งสุดท้าย 7 วันทำการ ระหว่างวันที่ 1-10 กรกฎาคมที่ผ่านมา ไม่ได้ช่วยบรรเทาทุกข์ของผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ได้มากนัก เนื่องจากหุ้นมีการซื้อขายน้อยมาก
รวม 7 วันทำการมูลค่าซื้อขายโดยรวมเพียง 30 ล้านบาทเศษเท่านั้น แม้ผู้ถือหุ้นบางส่วนต้องการตัดขายขาดทุน แต่ไม่มีแรงซื้อเข้ามา จึงขายหุ้นไม่ออก จำใจต้องถือหุ้นติดมือ โดยแทบไม่เหลือความหวังใดๆ แม้บริษัทอยู่ระหว่างฟื้นฟูกิจการก็ตาม
หุ้น SSI ถูกตลาดหลักทรัพย์แขวนป้าย SP พักการซื้อขายตั้งแต่วันที่ 27 เมษายน 2559 เนื่องจากไม่ส่งงบการเงินตามเวลาที่กำหนด ราคาปิดครั้งสุดท้าย 5 สตางค์
การกลับมาซื้อขายวันแรก 1 กรกฎาคม มีความพยายามจุดพลุเก็งกำไรหุ้นอยู่เหมือนกัน โดยเคาะเปิดที่ราคา 6 สตางค์ และขึ้นไปสูงสุดที่ 22 สตางค์ ทุบลงมาต่ำสุดที่ 4 สตางค์ ก่อนจะปิดที่ 8 สตางค์ มูลค่าซื้อขาย 22.90 ล้านบาท
แต่หลังจากนั้นอีก 5 วันทำการ SSI ดิ่งลงติดพื้นมาตลอด ลงวันละ 1 สตางค์ ขณะที่มูลค่าซื้อขายเบาบาง บางวันซื้อขายไม่ถึง 1 ล้านบาท ก่อนจะปิดการซื้อขายครั้งสุดท้าย วันที่10 กรกฎาคมที่ราคา 4 สตางค์ หลังจากระหว่างวันลงไปที่ 2 สตางค์
7 วันทำการของการซื้อขาย มีวันแรกเพียงวันเดียวที่หุ้น SSI มีการซื้อขายที่คึกคัก ก่อนจะเงียบเหงา ราคาหุ้นปักหัวลงต่อเนื่อง เพราะนักลทุนทุกคนรู้ชะตากรรมของบริษัทดี
วันที่ 11 กรกฎาคม SSI ต้องถูกตะเพิดออกจากตลาดหลักทรัพย์ ไม่มีสภาพคล่องการซื้อขาย และไม่อาจคาดหมายได้ว่าจะสามารถฟื้นฟูกิจการได้หรือไม่ จึงไม่มีนักลงทุนรายได้อยากช้อนเก็บหุ้นตัวนี้
แม้แต่ผู้ถือหุ้นเดิม ส่วนใหญ่คงอยากจะขายทิ้ง แต่ไม่มีคนซื้อเท่านั้น
สิ่งที่น่าตั้งคำถามคือ ใครเข้าไปจุดพลุเก็งกำไรหุ้น SSI ในวันแรก และมีนักลงทุนรายย่อยตามแห่เข้าไปลุย SSI ในวาระสุดท้ายสักเท่าไหร่
เพราะทุกคนน่าจะประเมินได้ว่า SSI อยู่ในสภาพที่ปลุกไม่ขึ้นแล้ว ไม่มี “นิยาย” ที่จะนำมากระตุ้นการเก็งกำไรอีกต่อไป
ใครที่หลวมตัวเข้ามาลุย SSI ในวันที่ 2 กรกฎาคม ถ้าขายออกไม่ทันในวันนั้น เหมือนถูกจับติดคุก เพราะแทบหมดโอกาสขาย โดยราคาดิ่งลงติดพื้นต่อเอง และมูลค่าการซื้อขายลดวูบ
ใครที่เจ็บจาก SSI ในรอบนี้ไม่มีโอกาสที่จะแก้ตัว เพราะต้องกอดใบหุ้นไว้ดูต่างหน้า และเตรียมใจการเสื่อมค่าเป็นศูนย์ โดยแทบไม่อาจคาดหวังอนาคตใดๆ จากหุ้นตัวนี้
ปีนี้จะมีหุ้นอยู่ข่ายถูกตะเพิดพ้นตลาดหลักทรัพย์อีกหลายบริษัท และการซื้อขายหุ้น SSI ครั้งสุดท้ายคงเป็นบทเรียนที่เตือนให้รู้ว่า
อย่าริเก็งกำไรหุ้นที่อยู่ในวาระสุดท้าย ควรปล่อยให้สิ้นใจอย่างสงบ เพราะขืนเข้าไปแตะ อาจเจ็บและหมดโอกาสแก้ตัวเหมือนคนที่เข้าไปเล่นหุ้น SSl
