ไมเนอร์ฯ เตรียมเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน 1 หมื่นล้านบาท และออกวอร์แรนต์อายุ 3 ปี อีก 5 พันล้านบาท ในไตรมาส 3/63 ตามแผนการบริหารสภาพคล่องรองรับผลกระทบโควิด-19 หลังประสบความสำเร็จออกหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ หรือหุ้นกู้ไม่กำหนดอายุ 300 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ดอกเบี้ย 3.1% รวมระดมทุน 2.5 หมื่นล้านบาท จาก 3 เครื่องมือทางการเงิน หวังเติมสภาพคล่องรับมือโควิด-19
บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า บริษัทได้ดำเนินการออกและเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ให้แก่นักลงทุนสถาบันต่างประเทศ จำนวนรวม 300 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา ไม่มีกำหนดอายุหุ้นกู้ อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 3.10 ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก 6 เดือน โดยมี ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ค้ำประกัน ทั้งนี้เพื่อชำระคืนเงินกู้และเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินของบริษัท
รายงานข่าวจาก MINT กล่าวว่า หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับเครดิตจากบริษัทมูดี้ส์ที่ระดับ Baa2 และจากบริษัทฟิทช์ เรทติ้งส์ที่ระดับ BBB และมีการค้ำประกันโดยไม่มีเงื่อนไขและไม่สามารถเพิกถอนได้จากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาฮ่องกง โดยอัตราผลตอบแทน 3.10% ต่อปี ต่ำกว่าอัตราผลตอบแทนเริ่มต้น (Initial Price Guidance) ถึง 0.7%
หุ้นกู้ดังกล่าวมียอดจองที่สูงกว่ายอดที่จัดสรรถึง 11 เท่า ณ จุดสูงสุดของการทำการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ (Book Building) จากการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของตลาดที่มีต่อ MINT โดย 88% ของหุ้นกู้ได้ถูกจัดสรรให้แก่นักลงทุนในทวีปเอเชีย และส่วนที่เหลืออีก 12% ได้ถูกจัดสรรให้แก่นักลงทุนในทวีปยุโรป อีกทั้งประมาณ 87% ของหุ้นกู้ได้ถูกจัดสรรให้แก่ผู้จัดการกองทุนและบริษัทประกัน โดยเงินที่ได้รับจากการขายหุ้นกู้ดังกล่าวนี้จะถูกนำไปชำระคืนเงินกู้ที่มีอยู่เดิมและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท
ทั้งนี้ หุ้นกู้จะถูกบันทึกเป็นส่วนของผู้ถือหุ้นของ MINT ภายใต้มาตรฐานการบัญชี TAS 32 โดยธนาคาร HSBC เป็น Sole Global Coordinator และร่วมกับธนาคาร ANZ, BofA Securities และ Standard Chartered เป็น Joint Bookrunners ในการออกหุ้นกู้ครั้งนี้
ผู้ถือหุ้นไฟเขียวเพิ่มทุน 1 หมื่นล้านบาท ออกวอร์แรนต์ 5 พันล้านบาท
การออกหุ้นกู้ที่มีลักษณะคล้ายทุนในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการสร้างความแข็งแกร่งของโครงสร้างเงินทุนแบบเบ็ดเสร็จตามที่ได้ประกาศไปก่อนหน้านี้ โดยนอกเหนือจากความสำเร็จในการออกหุ้นกู้จำนวนประมาณ 9.5 พันล้านบาทในครั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา ที่ประชุมสามัญประจำปีผู้ถือหุ้นได้อนุมัติแผนการจัดหาเงินทุน ซึ่งรวมถึงการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 1 หมื่นล้านบาท และการออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญซึ่งมีอายุ 3 ปี จำนวน 5 พันล้านบาท โดยคาดว่าการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนและการออกใบสำคัญแสดงสิทธิจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 3 ของปี 2563
ทั้งนี้ แผนการจัดหาเงินทุนทั้งหมดจำนวน 2.5 หมื่นล้านบาท ด้วย 3 เครื่องมือทางการเงินดังกล่าว จะช่วยให้ MINT มีสภาพคล่องท่ามกลางช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอนจากการระบาดของโรค COVID-19 พร้อมทั้งช่วยสร้างความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงินจากส่วนของผู้ถือหุ้นที่เพิ่มขึ้น
การบริหารจัดการเงินทุนอย่างรอบคอบดังกล่าวจะส่งผลให้ฐานะทางการเงินของ MINT มีความแข็งแกร่งมากขึ้น ด้วยอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่คาดว่าจะกลับมาอยู่ที่ 1.3 เท่าภายในสิ้นปี 2563 ซึ่งเป็นระดับเป้าหมายภายในของบริษัท และจะช่วยให้ MINT ได้รับประโยชน์จากโอกาสในการเติบโตในตลาดหลักทั่วโลกหลังจากการระบาดของโรค COVID-19 นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดการโครงสร้างเงินทุน MINT ได้รับการอนุมัติจากเจ้าหนี้ทั้งหมด ซึ่งรวมถึงผู้ถือหุ้นกู้และเจ้าหนี้ธนาคาร ในการแก้ไขข้อกำหนดเกี่ยวกับเงื่อนไขการดำรงอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นให้อยู่ที่ต่ำกว่า 1.75 เท่า โดยยินยอมให้ยกเว้นการทดสอบอัตราส่วนดังกล่าวในอีก 3 ไตรมาสต่อจากนี้จนถึงสิ้นปี 2563
“เรายินดีกับความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นกู้ที่มีลักษณะคล้ายทุนในครั้งนี้ ซึ่งเป็นการยืนยันถึงแรงสนับสนุนของตลาดที่มีต่อ MINT และกลยุทธ์ในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของฐานะการเงินของ MINT โดยขั้นตอนต่อไปสำหรับบริษัทคือจัดหาเงินทุนให้สำเร็จตามแผนที่ได้วางไว้” นายไบรอัน เดลานี ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน กล่าว
เขากล่าวว่า บริษัทได้ผ่านจุดวิกฤตสุดของการระบาดของโรค COVID-19 ในเดือนเมษายนมาแล้ว และพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าและสร้างการเติบโตต่อไป โดย MINT อยู่ในระหว่างการวางแผน “Business Beyond COVID” เพื่อให้ธุรกิจในเครือทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจปรับตัวและรองรับการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมของผู้บริโภค สิ่งที่สำคัญที่สุดคือจะยังคงมีความมุ่งมั่นที่จะปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้กับผู้ถือหุ้น
หยวนต้าคาดปีนี้ขาดทุนหมื่นล้านบาท แต่ปี 64 พลิกกำไร 2.5 พันล้านบาท
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์จาก บล.หยวนต้าระบุว่า ในระยะสั้นผลประกอบการบริษัทถูกกดดันหนัก และต่ำที่สุดในรอบ 22 ปี แต่หากผ่านไปได้จะได้เก็บเกี่ยวรอบใหญ่จาก 1) Supply ในอุตสาหกรรมโรงแรมลดลง 2) ผู้บริโภคมองหา Brand ชั้นนำเพิ่มขึ้น และ 3) องค์กรมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งการเพิ่มทุนสำเร็จ (Perpetual bond + RO) จะช่วยเพิ่มเงินสดกว่า 2.2 หมื่นล้านบาท มากเพียงพอรองรับ Cash burn ในกรณีเลวร้ายที่สุดหากต้องปิดทุกโรงแรมในเครือ เดือนละ 1.7 พันล้านบาท
ทั้งนี้ คาดปี 2563 ขาดทุน 1 หมื่นล้านบาท แต่เป็นจุดต่ำสุดในรอบหลายปี คาดว่า MINT กลับไปทำกำไร 2.6 พันล้านบาทในปี 2564 และ 5 พันล้านบาทในปี 2565 เริ่มต้นที่คำแนะนำ “ซื้อ” อิงราคาเหมาะสม 28.75 บาทต่อหุ้น เชิงกลยุทธ์แนะนำทยอยสะสมเพื่อไปเพิ่มทุนและรับ Warrant ฟรี XR วันที่ 26 มิ.ย. 63 แต่ให้เผื่อเงินไว้สะสมเพิ่มหากมีการระบาดรอบสองที่รุนแรงใน 2H63 เพื่อลุ้นกับการกลับไปสู่ระดับกำไรปกติในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า