xs
xsm
sm
md
lg

ใครปลุกหุ้น EIC / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รอบ 1 เดือนที่ผ่านมา หุ้นที่ปรับตัวขึ้นเร็วและแรงที่สุด คงไม่มีหุ้นตัวไหนเทียบได้กับ หุ้นบริษัท อุตสาหกรรม อีเล็คโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ EIC เพราะพุ่งทะยานขึ้นมาถึง 500% ท่ามกลางมูลค่าซื้อขายที่พองโตขึ้น โดยไม่รู้ว่ามีใครอยู่เบื้องหลังการจุดพลุไล่ราคาหุ้นตัวนี้หรือไม่

EIC เป็นหนึ่งในหุ้นร้อนในอดีต มีพฤติกรรมที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ต้องเฝ้าจับตา โดยเฉพาะการเพิ่มทุน การระดมเงินจากนักลงทุนอย่างถี่ยิบหลายปีติดต่อ ก่อนนำเงินไปซื้อทรัพย์สิน

การซื้อทรัพย์สินในหลายรายการ แม้บริษัทที่ปรึกษาทางการเงินอิสระจะไม่เห็นด้วย เพราะราคาทรัพย์สินที่ซื้อสูงกว่าการประเมินตามมูลค่ายุติธรรม และไม่คุ้มกับการลงทุน แต่คณะกรรมการบริษัทฯ ไม่ยอมฟัง และยืนกรานที่จะซื้อทรัพย์สิน อ้างว่า จะสร้างผลตอบแทนการลงทุนที่คุ้ม แต่ปรากฏว่า ผลประกอบการบริษัทกลับขาดทุนต่อเนื่อง ราคาหุ้นจึงดิ่งลง

ราคาหุ้น EIC ก่อนจะถูกลากขึ้นครั้งนี้ เคยเคลื่อนไหวอยู่ระดับ 2-3 สตางค์ มูลค่าการซื้อขายเบาบาง บางวันซื้อขายไม่ถึง 1 พันบาท หรือซื้อขายเพียงกี่หมื่นหุ้น และดูเหมือนจะมีเจ้ามือคอยประคองราคาไว้ เช่นเดียวกับหุ้น บริษัท แม็กซ์ เมทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MAX และหุ้น บริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ AQ ที่ดูเหมือนจะมีเจ้ามือมาคอยพยุงเหมือนกัน

ลากขึ้นลากลงอยู่ระหว่าง 1-2 สตางค์ ใช้เงินวันละไม่กี่หมื่นบาท ยอมเสียค่านายหน้าซื้อขายเพียงวันละไม่กี่ร้อยบาท แต่สามารถปลุกปั่นหุ้นให้ขึ้นลงได้วันละ 50% หรือ 100% โดยตลาดหลักทรัพย์ไม่สนใจว่าใครทำให้ราคาหุ้นตัวจิ๋วเหล่านี้เคลื่อนไหวไม่เป็นไปตามกลไกตลาดที่แท้จริง

ระหว่างชั่วโมงซื้อขายวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา ราคาหุ้น EIC เคลื่อนไหวอยู่ที่ 2 สตางค์เท่านั้น มูลค่าซื้อขายเพียง 1 แสนบาทเศษ แต่วันรุ่งขึ้นถูกจุดพลุไล่ราคา โดยขึ้นวันละ 1 สตางค์อย่างต่อเนื่อง ขณะที่มูลค่าซื้อขายขยับขึ้นเป็นวันละหลายล้านบาท และล่าสุดวันละหลายสิบล้านบาท

เมื่อวันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม EIC ปิดที่ 11 สตางค์ โดยไม่ถึง 1 เดือน เพิ่มขึ้นมา 450%

ปัจจุบัน EIC ได้ล้างไพ่ใหม่ โดยเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ใหม่ แต่พฤติกรรมความหวือหวาของราคาหุ้นยังไม่ได้เปลี่ยน โดยเฉพาะในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา ซึ่ง ราคาหุ้นเคลื่อนไหวอย่างผิดสังเกต ทั้งที่ไม่มีข่าวดีใดๆ กระตุ้น

ผลประกอบการในรอบหลายปีก็ยังย่ำแย่ โดยปี 2559 ขาดทุนสุทธิ 134.64 ล้านบาท ปี 2560 ขาดทนสุทธิ 131.52 ล้านบาท ปี 2561 กำไรสุทธิ 5.23 ล้านบาท และปี 2562 ขาดทุนสุทธิ 21.88 ล้านบาท โดยมียอดขาดทุนสะสม 703.73 ล้านบาท ซึ่งจะ ต้องรอดูผลประกอบการไตรมาสแรกปีนี้ว่า จะสร้างความประหลาดใจ โดยพลิกกลับมามีกำไรงามๆ หรือไม่ ราคาหุ้นจึงถูกลากขึ้นไปรอรับ

EIC เกิดปฏิบัติการซุ่มเงียบสร้างฐานะราคาใหม่มานับแต่ปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา และไม่รู้ว่า จะมีเจ้ามือเตรียมจะจุดพลุไล่ราคา ล่อแมลงเม่าให้แห่เข้ามาเก็งกำไรรอบใหม่หรือไม่

แต่หุ้นตัวนี้ทำให้นักลงทุนเจ็บปางตายมาหลายปี จะตามแห่เข้าไปเก็งกำไร ต้องย้อนดูประวัติให้ดี เพื่อป้องกันการเจ็บซ้ำรอย






กำลังโหลดความคิดเห็น