แม้จะประกาศปิดบริษัทลูก เนื่องจากผลกระทบเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ราคาหุ้น บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE กลับพุ่งขึ้นสวนทางข่าวในเชิงลบ โดยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ปิดที่ 16.50 บาท เพิ่มขึ้น 50 สตางค์ ขณะที่ดัชนีหุ้นทรุดลงกว่า 20 จุด
KCE แจ้งตลาดหลักทรัพย์ก่อนเปิดการซื้อขายวันพฤสับดีที่ 5 พฤษภาคม ระบุว่า บริษัทได้ปิดการดำเนินงาน บริษัท เคซีอี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ KCEI ซึ่งเป็นบริษัทลูกเป็นการชั่วคราว เนื่องจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ความต้องการตลาดยานยนต์ทั่วโลกลดลง และย้ายการดำเนินงานของ KCEI รวมทั้งพนักงานจากนิคมอุตสาหกรรมบางปู มายังโรงงานแห่งใหม่ของบริษัทที่นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง
การย้ายการดำเนินงานมาที่โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง จะช่วยลดต้นทุนและบรรเทาผลกระทบความสามารถในการทำกำไรให้มีน้อยที่สุด โดยการ ปิดดำเนินงานชั่วคราว จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคมนี้ จนกว่าสถานการณ์ "โควิด-19" จะอยู่ในความควบคุมและตลาดยานยนต์ฟื้นตัวขึ้น
เมื่อวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา KCE เพิ่งประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล จากผลการดำเนินงาน 6 เดือนหลังปี 2562 ในอัตราหุ้นละ 40 สตางค์ และทำให้ราคาหุ้นขยับขึ้นมาขานรับประมาณ 20%
KCE เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายแผ่นพิมพ์วงจรอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นชิ้นส่วนพื้นฐานสำคัญในการประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องมือสื่อสารโทรคมนาคมอุตสาหกรรมยานยนต์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เกือบทุกชนิด โดยเป็นหุ้นกลุ่มส่งออกยอดนิยมตัวหนึ่ง แต่ราคาหุ้นดิ่งลงแรง หลังวิกฤต “โควิด-19” โดยรอบนี้ลงไปต่ำสุดที่ 11.90 บาท ระหว่างชั่วโมงซื้อขายวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา
ผู้ถือหุ้นรายย่อย KCE มีจำนวนทั้งสิ้น 15,078 ราย ถือหุ้นรวมกันสัดส่วน 59.41% โดยเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ ค่าพี/อี เรโช อยู่ที่ระดับ 20 เท่า อัตราเงินปันผลตอบแทน 5% และจ่ายเงินปันผลได้อย่างต่อเนื่องในระดับไม่ต่ำกว่า 4%
แต่ผลดำเนินงาน 4 ปีย้อนหลัง ชะลอตัวลง โดยปี 2559 มีกำไรสุทธิ 3,038.75 ล้านบาท ปี 2560 กำไรสุทธิลดเหลือ 2,554.50 ล้านบาท ปี 2561 กำไรสุทธิ 2,014.87 ล้านบาท และปี 2562 กำไรสุทธิ 934.49 ล้านบาท โดยนักลงทุนกำลังเฝ้ารอการประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกปีนี้ ซึ่งได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัส “โควิด-19”
ตั้งแต่ต้นปี KCE เป็นขาลงมาต่อเนื่อง จากจุดปิดสิ้นปีที่ผ่านมาปิดที่ 24.50 บาท ปรับฐานลงไปลึกสุดกว่า 50% โดยนอกจากผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็งแล้ว ยังถูกซ้ำเติมด้วยวิกฤต “โควิด-19” และเป็นอีกธุรกิจที่ต้องปิดการดำเนินงานบางส่วนลงชั่วคราว เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย
ราคาหุ้นอาจซึมซับรับข่าวร้ายไปไม่น้อยแล้ว การปิดโรงงานบริษัทลูกชั่วคราว ซึ่งถือเป็นปัจจัยลบ จึงไม่ได้ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นแต่อย่างใด นักลงทุนไม่ได้ตื่นเทขายหุ้น แต่กลับมีแรงซื้อเข้ามารับ ผลักดันให้ราคาหุ้นขยับขึ้น
KCE ในระยะสั้น ฐานราคาหุ้นยังไม่นิ่งนัก และมีโอกาสย่อลงได้เหมือนกัน ถ้าผลกำไรไตรมาสแรกที่กำลังจะประกาศในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ออกมาแย่เกินความคาดหมาย นักลงทุนจึงต้องเฝ้าระวัง