แม้ราคาหุ้นจะทรุดหนัก แต่มูลค่าการซื้อขายหุ้น บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ไม่ได้ฟุบลงแต่อย่างใด อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยที่เฟื่องฟู ทำให้ AOT ได้รับอานิสงส์ เพราะจำนวนนักท่องเที่ยวใช้บริการสนามบินจำนวนมาก และยังมีรายได้สำคัญจากสัมปทานร้านค้าปลอดภาษีของ บริษัท คิง เพาเวอร์ด้วย แนวโน้มรายได้จึงเติบโตต่อเนื่อง
ผลประกอบการ AOT ขยายตัวติดต่อหลายปี โดยปี 2561 มีกำไรสุทธิ 25,170.76 ล้านบาท ปี 2562 กำไรสุทธิ 25,026.37 ล้านบาท ส่วนไตรมาสแรกปี 2563 มีกำไรสุทธิ 7,334.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6,375.63 ล้านบาท
ราคาหุ้น AOT เมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐานและแนวโน้มธุรกิจถือว่าไม่สูงสุด เพราะมีค่า พี/อี เรโช ประมาณ 32 เท่า อัตราเงินปันผลตอบแทนประมาณ 1.79% แต่ปัญหาอยู่ที่ผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ซึ่งทำให้รายได้จากค่าบริการสนามบินและรายได้จากสัมปทานพื้นที่ร้านค้าปลอดภาษีของ “คิง เพาเวอร์” ลดลง
แม้ว่าไตรมาสแรกปี 2563 รายได้ AOT ไม่ลดลง เนื่องจากงบการเงินไตรมาสแรก (1 ต.ค.-31 ธ.ค.2562) ยังไม่เกิดวิกฤต “โควิด-19” แต่ไตรมาสที่ 2 ซึ่งใกล้จะประกาศ และไตรมาสที่ 3 เป็นช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จนนักท่องเที่ยวหายหมด นอกจากนั้น ยังลดค่าเช่าให้ "คิง เพาเวอร์" เพื่อเยียวยาผลกระทบ รายได้จึงมีแนวโน้มลดฮวบลง โดดคาดว่าในไตรมาสที่ 3 แทบจะไม่มีรายได้เข้ามา
แม้คาดหมายว่า AOT จะถูก “โควิด-19” เล่นงาน ทำให้รายได้ทรุดหนักอย่างน้อย 2 ไตรมาสคือ ไตรมาส 2 และไตรมาส 3 ทำให้เกิดการขายหุ้นทิ้งเพื่อลดความเสี่ยง แต่มีแรงซื้อเข้ามารับตลอดเวลา เพราะเชื่อว่า แนวโน้มระยะยาวผลประกอบการของบริษัทยังสดใส
การปรับฐานครั้งนี้จึงเป็นโอกาสในการซื้อหุ้นต้นทุนต่ำ และถ้าไม่เกิดวิกฤต “โควิด-19” คงไม่ได้ซื้อหุ้นราคาแถวนี้
อย่างไรก็ตาม โจทย์ใหญ่ที่ไม่อาจประเมินราคาหุ้นที่เหมาะสมได้คือ วิกฤตไวรัสโควิด-19 จะจบลงเมื่อไหร่ ครึ่งปีแรกสถานการณ์จะคลี่คลายหรือไม่ และนักท่องเที่ยวจะเริ่มทยอยกลับมาเมื่อใด เพราะถ้าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสยังไม่สงบ ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน ไม่มียารักษา
และการแพร่ระบาดยังดำเนินต่อไป แม้จะควบคุมจนลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ได้ แต่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวคงไม่กลับมาเหมือนเดิม โดยนักท่องเที่ยวต้องระวังความเสี่ยงต่อไป ซึ่ง จะทำให้ผลประกอบการไม่ฟื้นตัวในเวลาสั้น
นักลงทุนที่ถือหุ้นไว้ จะทนรอคอยไหวหรือไม่
