xs
xsm
sm
md
lg

เว้นวรรคหุ้นแบงก์ / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ธนาคารพาณิชย์ 10 ใน 11 แห่ง รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2563 ออกมาแล้ว แม้ว่าผลประกอบการโดยรวมจะดีกว่าความคาดหมายของนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ แต่กำไรสุทธิยังลดลง 18.38% ทำให้เกิดการเทขาย หุ้นธนาคาร จนกลายเป็นหุ้นกลุ่มที่ฟื้นตัวต่ำกว่าการฟื้นตัวของดัชนีหุ้น

ในรอบ 1 เดือน นับจากวันที่ 23 มีนาคม จนถึงวันที่ 23 เมษายน 2563 ดัชนีหุ้นดีดตัวขึ้นจากจุดต่ำสุด 969 จุด ขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,272 จุด เพิ่มขึ้นกว่า 300 จุด หรือกว่า 30% แต่หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวกลับขึ้นมาประมาณ 20% เท่านั้น ซึ่งเป็นอัตราการปรับตัวขึ้นที่ต่ำกว่าหุ้นขนาดใหญ่กลุ่มอื่น โดยเฉพาะกลุ่มโรงไฟฟ้า

หุ้นธนาคารเข้าสู่ช่วงขาลงเต็มตัวติดต่อกันหลายปี เนื่องจากความกังวลจากปัญหาหนี้เสีย ทำให้ธนาคารมีภาระตั้งสำรอง ฉุดกำไรลดลง จนจ่ายเงินปันผลไม่ได้ดีเหมือนก่อน

ไตรมาสแรก 10 ธนาคารพาณิชย์รายงานผลกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 44,116.00 ล้านบาท ลดลง 18.38% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 54,048.00 ล้านบาท แต่คาดว่าผลประกอบการไตรมาสที่ 2 จะย่ำแย่ยิ่งกว่าไตรมาสแรก และอาจฉุดให้ราคาหุ้นดิ่งลงอีก

ราคาหุ้นกลุ่มธนาคาร แม้จะปรับฐานลงมาลึก โดยวิกฤตเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบซ้ำเติม ทำให้ราคาหุ้นสร้างจุดต่ำสุดใหม่ในรอบนับสิบปี แต่ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังไม่ได้แนะนำให้ซื้อ เพราะมองว่าเป็นหุ้นกลุ่มเสี่ยง และยังไม่มีสัญญาณการฟื้นตัวกลับ

จากการเป็นหุ้นชั้นดี มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ อัตราเงินปันผลจูงใจ และเป็นหุ้นที่เหมาะสำหรับการถือลงทุนระยะยาว หุ้นธนาคารกลายเป็นหุ้นที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่แนะให้หลีกเลี่ยง เพราะกังวลในผลกระทบจากปัญหาหนี้เสีย

หุ้นแบงก์ขนาดใหญ่อย่างธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB แม้จะมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งขึ้น โดยค่า พี/อี เรโช เฉลี่ยประมาณ 5 เท่า ซึ่งถือว่าต่ำมาก อัตราเงินปันผลตอบแทนอยู่ระหว่าง 5%-9% ซึ่งถือว่าสูงมาก แต่ไม่ได้กระตุ้นให้นักลงทุนไล่ซื้อแต่อย่างใด

เพราะนักทุนส่วนใหญ่รู้สึกว่า ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนช้อนซื้อหุ้นแบงก์ และยังมีโอกาสซื้อในราคาที่ต่ำกว่าถ้ารอคอยต่อไป โดยอย่างน้อยควรจะรอดูผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ซึ่ง คาดว่ากำไรจะทรุดฮวบหนักกว่าไตรมาสแรก

ความกังวลในผลประกอบการที่จะชะลอตัว ทำให้หุ้นกลุ่มธนาคารไม่ตอบสนองการฟื้นตัวของตลาดหุ้นมากนัก เมื่อเทียบกับหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มอื่น และเป็นหุ้นกลุ่มที่ตกเป็นเป้าหมายในการเทขายของต่างชาติในรอบหลายปี

ส่วนนักลงทุนที่ถือหุ้นแบงก์ หวังกินเงินปันผลในระยะยาว ขาดทุนส่วนต่างราคาหุ้นกันเป็นแถว และใครที่เข้าไปช้อนหุ้นแบงก์ มักเจ็บตัว จนต้องถอดใจ ไม่กล้าลุยเก็บ

แนวโน้มตลาดหุ้นกำลังกลับตัวสู่ขาขึ้นรอบใหญ่ โดยเตรียมตีฝ่าด่าน 1,300 จุด ถ้าไม่สะดุดข่าวร้ายปัจจัยลบอะไรเสียก่อน แต่หุ้นกลุ่มแบงก์คงกระเตื้องช้ากว่าหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มอื่น เพราะ ถูกกดดันด้วยความหวั่นไหวในปัญหาหนี้เสีย ซึ่งจะปะทุในไตรมาสที่ 2 จึงมีเสียงเตือนมาตลอดให้นักลงทุนเลี่ยงหุ้นแบงก์ไว้ชั่วคราว

รอดูงบไตรมาสที่ 2 ออกมาก่อน ค่อยตัดสินใจกันใหม่ว่าจะเก็บหุ้นแบงก์ได้หรือยัง แต่ตอนนี้ เล่นกลุ่มอื่นไปพลางๆ ก่อน






กำลังโหลดความคิดเห็น