นักวิเคราะห์หลักทรัพย์โบรกเกอร์หลายสำนักออกมาส่งเสียงเตือนนักลงทุนในตลาดหุ้น แนะนำให้เพิ่มความระมัดระวังการลงทุนเดือนพฤษภาคม เพราะสถิติรอบ 30 ปี ดัชนีหุ้นจะปรับตัวลงประมาณ 2% โดยเฉพาะ ปีนี้ที่มีหลายปัจจัยกดดัน
คำเตือนจากนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ทำท่าจะเป็นจริงขึ้นมา เพราะประเดิมซื้อขายวันแรกของเดือนพฤษภาคม เมื่อวันอังคารที่ 4 พฤษภาคมที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นรูดลง 23.03 จุด ปิดที่ 1,278.63 จุด หลังจากที่เพิ่งฟื้นตัวจากวิกฤตไวรัสโควิด-19 และสร้างจุดสูงสุดใหม่ของรอบที่ระดับ 1,301.66 จุด
ดัชนีหุ้นเคยสร้างจุดต่ำสุดจากวิกฤต “โควิด-19” ที่ระดับ 969 จุด ระหว่างชั่วโมงซื้อขายวันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา ก่อนดีดตัวขึ้นต่อเนื่องจนทะลุขึ้นยืนที่ระดับ 1,301 จุด หรือเพิ่มขึ้นม้วนเดียวประมาณ 332 จุด
การฟื้นตัวของตลาดหุ้นเกิดจากแรงหนุนปัจจัยภายนอก โดยดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น ขณะที่ราคาหุ้นของไทยปรับตัวลึกมากเกินไป และยังมีความคาดหวังจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาล
แต่การที่ดัชนีหุ้นพุ่งขึ้นกว่า 330 จุด ภายในช่วงเวลาเพียง 5 สัปดาห์ ในสายตานักวิเคราะห์หลักทรัพย์ส่วนใหญ่มองว่า เป็นการฟื้นตัวที่แรงและเร็วเกินไป โดยที่ไม่มีปัจจัยพื้นฐานสนับสนุนอย่างชัดเจน ตลาดหุ้นจึงมีความเปราะบาง และอาจปรับฐานได้ ถ้ามีปัจจัยลบกระทบ
หุ้นระดับ 1,300 จุด ถือว่ามาไกลมาก และไม่น่าจะวิ่งได้ต่อ แต่มีแนวโน้มที่จะพักฐานหรือปรับตัวลง เนื่องจากซึมซับรับข่าวดีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ไปล่วงหน้า นอกจากนั้น ยังมีตัวแปรการประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาสแรก ซึ่งจะครบกำหนดต้องแจ้งงบการเงินในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ ซึ่งคาดกันว่า ผลกำไรบริษัทจดทะเบียนโดยรวมจะออกมาไม่ดี
ถ้าตัวเลขผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาสแรกเลวร้ายกว่าความคาดหมาย อาจจุดชนวนให้เกิดการเทขายทำกำไร เพราะผลประกอบการไตรมาสที่ 2 มีแนวโน้มที่จะย่ำแย่กว่าไตรมาสแรก เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หนักกว่า
นักลงทุนรายย่อยกับกองทุนรวมในประเทศ สลับกันเข้ามาไล่ซื้อหุ้น ผลักดันจนดัชนีหุ้นฝ่าแนวต้าน 1,300 จุดมาได้ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นทิ้งตลอด ถ้าเดือนพฤษภาคมเกิดรายการ “เซลส์อินเมย์” หรือการขายหุ้นในเดือนพฤษภาคม เหมือนหลายสิบปีที่ผ่านมาจริง
รายย่อยและกองทุนรวมในประเทศจะกลายเป็นกลุ่มที่ต้องแบกหุ้นต้นทุนสูง
การปรับฐานที่จะเกิดขึ้นในเดือนนี้ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์มองกันระดับ 100-200 จุดทีเดียว โดยโบรกเกอร์บางสำนักมองแนวรับดัชนีหุ้นที่ระดับ 1,100 จุด ซึ่งหากทรุดลงไปลึกขนาดนั้น แมลงเม่าจะเจ็บหนักอีกรอบ
แม้ยังไม่มีสัญญาณการปรับฐานใหญ่หรือการทรุดลงแรงของตลาดหุ้น แต่เสียงเตือนถึงความเสี่ยงจากนักวิเคราะห์หลักทรัพย์หลายสำนัก นักลงทุนควรต้องรับฟัง และเพิ่มความระมัดระวัง หรือชะลอการลงทุนไว้ชั่วคราว
ถ้าไม่ลดน้ำหนักการลงทุน โดยทยอยขายทำกำไรออกมาบ้าง ก็ไม่ควรรีบร้อนช้อนซื้อหุ้นเพิ่ม และอย่ากลัวว่าจะตกรถเมล์หรือรถไฟ เพราะดัชนีหุ้นไม่น่าจะไปไกลจากระดับ 1,300 จุด
นักลงทุนที่เงินยังเหลือต้องใจเย็นๆ เข้าไว้ เพราะเดือนนี้โอกาสช้อนซื้อของถูกมีอยู่ รอคอยจังหวะเวลาดีๆ ที่จะมาถึงเท่านั้น