เปรียบเทียบฟอร์ม 2 หุ้นเสาเข็ม PYLON-SEAFCO คาด PYLON จะมีกำไร Q1/63 นิวไฮ ที่ 115 ล้านบาท ส่วน SEAFCO กำไรวูบเทียบ YoY เหลือ 90 ล้านบาท หรือลดลง 25% แต่ยังเชียร์เก็งกำไรได้ทั้งคู่ เหตุงานในมือแน่น - เดินหน้ารับเมกะโปรเจ็กต์ต่อเนื่อง
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า เปรียบเทียบแนวโน้ม 2 บริษัทจดทะเบียนที่ทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างกลุ่มเสาเข็ม คือ บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) หรือ PYLON และ บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAFCO โดยระบุว่า ผลประกอบการ Q1/63 ทั้ง SEAFCO และ PYLON เห็นการเติบโตโดยเฉพาะรายไตรมาส QoQ ซึ่งได้ปัจจัยหนุนจากงานในมือทำให้การรับรู้รายได้มีความต่อเนื่อง
โดย PYLON มีงานในมือ ณ สิ้นปี 2562 ที่ 1.2 พันล้านบาทจากโครงการศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิต และ SEAFCO 2.6 พันล้านบาท งานหลักมาจากโครงการโครงการ ดุสิต เซ็นทรัล ปาร์ค และ โครงการงานศูนย์ราชการโซนซีซึ่งจะต่อเนื่องไปยัง Q2/63
ทั้งนี้คาด PYLON จะมีกำไรปกติเติบโตสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 115 ล้านบาท (+25%QoQ,+44%YoY) ขณะที่ SEAFCO มีกำไรปกติ 90 ล้านบาท(+5%QoQ,-25%YoY)มีลุ้นรับงานภาครัฐฯ ครึ่งปีหลังทั้ง SEAFCO-PYLON
สำหรับ SEAFCO และ PYLON ยังมีโอกาสรับงานจากภาครัฐอีกมาก โดยในช่วง 2H63 คาดหวังการรับงานมูลค่าสูงจากโครงการรถไฟความเร็วสูง 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าก่อสร้างเฉพาะส่วนของฐานราก ราว 1.2 หมื่นล้านบาท นอกจากนั้นยังมีงานรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนต่อขยายที่คาดเห็นความคืบหน้าของงานประมูลภายในปี 2563
โดยคาดว่างานภาครัฐขนาดใหญ่ทั้ง 2 งานดังกล่าว จะเป็นการต่อยอดงานในมือและหนุนรายได้ในปี 2564-2565 ทั้งนี้ยังมีงานอื่น ที่คาดเห็นความคืบหน้าเพิ่มคืองาน รถไฟฟ้าสายสีแดง งานรถไฟทางคู่เฟส 2 รวมถึงงานประมูลจากงานภาคเอกชนที่คาดเห็นความคืบหน้าของการประมูลเพิ่ม หลัง ประเด็นโรคระบาด COVID-19 เริ่มคลี่คลาย
คาดระยะสั้นผลประกอบการของกลุ่มรับหมากฐานราก ยังทำได้ดีต่อเนื่องจากงานในมือซึ่งมีงานที่อยู่ระหว่างทำ ทำให้การรับรู้รายได้ในช่วง 1H63 ยังไม่น่ากังวล
SEAFCO มีงานรอรับรู้ 1.9 พัน้านบาท
SEAFCO จะมีกำไรปกติราว 90 ล้านบาท (+ 5%QoQ,-25%YoY) เติบโตรายไตรมาสจากความต่อเนื่องของงานที่อยู่ระหว่างทำคือโครงการ ดุสิต เซ็นทรัล ปาร์ค และงานศูนย์ราชการโซนซี เป็นหลัก แต่ปรับลดรายปี เนื่องจากการรับรู้รายได้ที่น้อยกว่า อยู่ที่ 754 ล้านบาท (+16%QoQ,-12%YoY) จากงานรถไฟฟ้าที่จบลง โดยมีระดับมาร์จิ้น ราว 20% ลดลง จากการรับรู้งานรถไฟฟ้าที่มีมาร์จิ้นดีน้อย ขณะที่งานรับรู้รายได้จากโครงการใหม่เป็นงานที่มีทั้งค่าแรงและวัสดุที่มีมาร์จิ้นที่น้อยกว่า โดยมีรายการพิเศษจากหนี้สูญรับคืนราว 9 ล้านบาท
SEAFCO มีงานในมือเตรียมรับรู้รายได้ต่อเนื่องราว 1.9 พันล้านบาท โดยนับจากต้นปีมีงานที่ได้รับวงเงินรวม 459 ล้านบาท มาจากงานก่อสร้างโรงเรียนและโครงการทางด่วนพระราม 3 เป็นหลัก ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้ารับงานใหม่ของปี2563 ไว้ที่ 3 พันล้านบาท ซึ่งเรามองว่ามีความเป็นไปได้ จากงานใหม่ที่บริษัทอยู่ระหว่างเข้าประมูลทั้งหน่วยงานภาคเอกชน เช่นงานโรงเรียน โรงพยาบาล โดยเฉพาะงานภาครัฐ จากงานรถไฟความเร็วสูง 3 สนามบิน ทั้งนี้ยังมีงานรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายจากสายสีส้มและสีแดง คาดหวังรับงานในปี 2564 เป็นลำดับถัดไป
SEAFCO มีจุดเด่นจากงานในมือสูงรองรับรายได้ภายในปี 2563 ได้ไม่ต่ำกว่า 70% ขณะเดียวกันมีโอกาสรับงานต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมอ ทั้งจากกลุ่มผู้ประกอบการจากภาคเอกชน เช่นกลุ่มธุรกิจ Mixed Used และงานภาครัฐ เช่นรถไฟฟ้าสายสีต่าง ๆ งานมอเตอร์เวย์ รถไฟทางคู่ ราคาเหมาะสมปี 2563ที่ 6.24 บาท (อ้างอิง PE ที่ 13.6 เท่า ซื้อขายระดับ PE-1SD น้อยกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ 18 เท่า)
PYLON มีงานหนุนช่วง Q2-3 ราว 600 ล้านบาท
คาด PYLON จะมีกำไรปกติใน Q1/63 ราว 115 ล้านบาท (+ 25%QoQ ,+44%YoY) จากความคืบหน้าของโครงการศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิต เป็นหลัก ส่งผลต่อการรับรู้รายได้อยู่ที่ 750 ล้านบาท (+25%QoQ,+81%YoY) โดยมีระดับมาร์จิ้นทรงตัวเมื่อเทียบกับรายไตรมาส ที่ 24%ซึ่งเป็นผลของความต่อเนื่องของงาน โดยคาดเป็นไตรมาสที่เห็นผลประกอบการสูงสุดนับจากอดีตของ PYLON
สำหรับผลประกอบการในอีก 2ไตรมาสข้างหน้า (Q2/63-Q3/63) ของ PYLON ยังมีงานในมือหนุนราว 600 ล้านบาท หลักๆยังคงมาจากงานโครงการศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิต ทั้งนี้ในระยะใกล้มีงานใหม่ที่บริษัทอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญาราว 100-200 ล้านบาท ทั้งนี้ยังมีงานที่บริษัทคาดหมายทั้งจากงานภาครัฐและงานภาคเอกชน จะเข้ามาช่วยเสริมงานในมือและรายได้ระหว่างปี มองผลกระทบจาก COVID-19 มีไม่มากนัก ทั้งนี้สำหรับปี 2564 คาดการรับรู้รายได้จะมาจากงานใหม่จากงานภาครัฐเช่นงานรถไฟฟ้าสายสีส้ม/แดง ส่วนต่อขยาย และ งานรถไฟความเร็วสูง 3 สนามบิน รวมถึงงานภาคเอกชน
PYLON มีปัจจัยบวกจากผลประกอบการที่โดดเด่นใน Q1/63 จากความคืบหน้าของงานโดยเฉพาะโครงการศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตต์ ซึ่งเราคาดว่าจะเป็นไตรมาสที่มีผลประกอบการสูงสุดของปี อย่างไรก็ดีในช่วง Q2/63 จะเริ่มเห็นผลดำเนินงานอ่อนตัวลงซึ่งไปในทิศทางเดียวกันกับงานในมือที่ราว 700-800 ล้านบาท(รวมงานใหม่ที่อยู่ระหว่างเซ็นสัญญา) ช่วยรองรับรายได้ระหว่าง Q2/63-Q2/63
เราประเมินราคาเป้าหมายปี 2563 อ้างอิง PE 14 เท่า (-1SD) อยู่ที่ 5.10 บาท เราปรับคำแนะนำ เป็นเก็งกำไร จาก ซื้อ มองผลประกอบการผ่านจุดสูงสุดใน Q1/63 ขณะที่งานใหม่รอผลการประมูลจากงานภาครัฐเป็นหลัก โดย PYLON คงจุดเด่นจากการมีสถานะการเงินที่แข็งแรง เป็น Net cash และการพยายามรักษาระดับมาร์จิ้นให้มากกว่า 20% ต่อเนื่อง
ให้ราคาเหมาะสม SEAFCO 6.24 บาท ส่วน PYLON 5.10 บาท
อย่างไรก็ดี การรับงานใหม่ยังคงเป็นประเด็นที่ติดตาม เนื่องจากจะมีผลต่อการรับรู้รายได้ในช่วง 2H63 และในปี 2564 โดยมีงานที่คาดหวังยังคงมาจากงานภาครัฐขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นการรับงานช่วงต่อจากกลุ่มผู้รับเหมารายใหญ่เป็นหลัก ทั้งนี้ราคาเหมาะสมที่เราประเมินค่อนข้างอนุรักษ์นิยม อ้างอิง PE -1SD SEAFCO ที่ 6.24 บาท (PE 13.6เท่า) และ PYLON ที่ 5.10 บาท (PE 14เท่า ) โดยปัจจุบัน PYLON และ SEAFCO ซื้อขายระดับ PE เพียง 11เท่า และ 9เท่า ตามลำดับ