หุ้นบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ราคาพุ่งแรงชนเพดานสูงสุด 15% ติดต่อกัน 5 วันทำการแล้ว และถ้าพุ่งขึ้นชนเพดานต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 จะทำให้ราคาหุ้นยืนอยู่ในระดับสูงกว่าก่อนเกิดวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เสียอีก
สิ้นปี 2562 หุ้น THAI ปิดที่ 6.85 บาท ก่อนจะรูดลงเมื่อเกิดวิกฤต “โควิด” ราคาทรุดฮวบลง จนสร้างจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เมื่อปี 2535 โดยลงมาที่ 2.74 บาท ระหว่างชั่วโมงซื้อขายวันที่ 24 มีนาคม 2563
การดิ่งลงของหุ้น THAI ไม่จำเป็นต้องหาคำอธิบาย เพราะหุ้นสายการบินทั่วโลกได้รับผลกระทบเต็มๆ จากวิกฤตโควิด-19 จนต้องหยุดบินกัน รวมทั้งการบินไทย ที่ประกาศหยุดบินตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2563
แต่การดีดตัวแรงชนเพดานสูงสุด 5 วันติดต่อ จนราคาขึ้นมาปิดที่ 6.35 บาท ท่ามกลางมูลค่าซื้อขายที่หนาตาขึ้นเล็กน้อย ยังไม่มีคำอธิบายในความร้อนแรงที่เกิดขึ้น
ก่อนเกิดวิกฤต “โควิด-19” ฐานะการดำเนินงานของ THAI ย่ำแย่หนัก ขาดทุนต่อเนื่อง 3 ปีติด โดย 2560 ขาดทุนสุทธิ 2,107.35 ล้านบาท ปี 2561 ขาดทุนสุทธิ 11,625.17 ล้านบาท ปี 2562 ขาดทุนสุทธิ 12,042.41 ล้านบาท และมียอดขาดทุนสะสม 19,383.39 ล้านบาท
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ประเมินว่า ปีนี้ THAI ยังคงขาดทุนหนักต่อไประดับกว่า 1 หมื่นล้านบาท
ราคาหุ้น THAI น่าจะมีลักษณะซึมลง เพราะไม่มีข่าวดีกระตุ้น มีแต่ปัจจัยลบ อย่างไรก็ตาม หลังจากราคาพุ่งขึ้นแรง มีข่าวเกี่ยวกับการเพิ่มข่าวลือว่า กระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่สัดส่วน 51.03% จะไม่ทิ้งการบินไทย พร้อมอัดฉีดเงินใส่ รวมทั้งข่าวลือมีกลุ่มทุนจะเข้ามาถือหุ้นใหญ่
แม้ข่าวลือจะถูกปฏิเสธทันควันจากฝ่ายบริหารบริษัท การบินไทย แต่ราคาหุ้นกลับไม่สะทกสะท้าน ทะยานขึ้นชนเพดานอีกจนได้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
THAI อาจต้องเพิ่มทุน เพื่อเติมสภาพคล่อง แต่ถึงกระทรวงการคลังจะใส่เงินเข้ามา หรือหาพันธมิตรใหม่เข้ามาร่วมถือหุ้น แต่ปัญหาของบริษัทฯ ไม่ได้อยู่ที่ทุนเพียงประการเดียว เพราะ ยังมีปัญหาด้านผลประกอบการ โดยบริษัทอาจมีทุนดำเนินงานได้ต่อเนื่อง แต่ถ้ายังขาดทุนหนักต่อไป ใครจะเติมทุนได้ตลอดชาติ
และนักลงทุนจะหาผลตอบแทนจากหุ้นตัวนี้ได้อย่างไร โดยเฉพาะผลตอบแทนจากเงินปันผล ส่วนผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาหุ้นนั้น เป็นเรื่องไม่จีรังยั่งยืน เพราะถ้าผลประกอบการไม่ดี ราคาหุ้นอาจปรับตัวขึ้นเพียงระยะสั้น สุดท้ายจะต้องปรับตัวลงตามปัจจัยพื้นฐาน รวมทั้งการทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงในรอบนี้
หุ้นไทยที่วิ่งฉิว ปลุกให้หุ้นสายการบินอื่นทะยานตามขึ้นมานั้น ยังไม่มีให้อธิบายถึงเหตุผลที่ชัดเจนได้ นอกจากอ้างข่าวลือ หรือคาดเดาในแต่ละมุมองกันไป แต่ในเชิงพื้นฐาน ราคาที่ขึ้นมาครั้งนี้ไม่มีปัจจัยรองรับ และประเมินถึงแนวโน้มการดำเนินงาน ก็ยังไม่เห็นแรงจูงใจให้ไล่ซื้อหุ้น THAI
ผู้ถือหุ้นจำนวนกว่า 1 แสนราย อาจมีชีวิตชีวาขึ้น เมื่อหุ้น THAI ฟื้น วิ่งพุ่งชนเพดาน 5 วันติด แต่สำหรับนักเก็งกำไรที่กำลังตามแห่เข้าไปลุยหุ้นตัวนี้ ต้องเตรียมตัวจับจังหวะการเข้าออกให้ดี
เพราะราคาที่เด้งขึ้นมาเกือบ 100% ภายใน 6 วันทำการ จาก 3.18 บาท ขึ้นมาปิดที่ 6.35 บาท เป็นการขึ้นโดยไม่มีปัจจัยสนับสนุน นอกจากข่าวลือที่พูดๆ กันไป
หมดข่าวลือ THAI อาจหมดแรง ดิ่งลงจนนักเก็งกำไรโดดออกไม่ทันก็ได้