ยังไม่รู้ว่า กระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่จะทนอุ้มบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ไปได้ขนาดไหน และบริษัทจดทะเบียนแห่งนี้จะยืนอยู่ได้อย่างไร ในเมื่อผลประกอบการทรุดหนักอย่างต่อเนื่อง แถมยังถูกซ้ำเติมจากผลกระทบจากวิกฤตเชื้อไวรัสโควิด-19 อีก
การประกาศยกเลิกเที่ยวบินเพิ่มเติมในหลายเส้นทาง อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ทำให้เกิดความกังวลในผลประกอบการ THAI เพราะโดยสถานการณ์ปกติ ผลประกอบการก็ย่ำแย่อยู่แล้ว
THAI เป็นบริษัทที่ใช้ผู้บริหารเปลือง เพราะเกิดการเปลี่ยนตัวผู้บริหารบ่อย โดย นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่เพิ่งลาออกจากตำแหน่ง แต่ใครไปใครมาก็ไม่สามารถกอบกู้ฐานะของบริษัทได้
ผลประกอบการ THAI ขาดทุนหลายปีติดต่อ โดยปี 2560 ขาดทุนสุทธิ 2,107.35 ล้านบาท ปี 2561 ขาดทุนสุทธิ 11,625.17 ล้านบาท ปี 2562 ขาดทุนสุทธิ 12,042.41 ล้านบาท และคาดว่า ผลประกอบการปีนี้อาจยังไม่ฟื้น
ราคาหุ้น THAI เป็นขาลงมายาวนาน และเพิ่งสร้างจุดต่ำสุด นับจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่ 2.74 บาท ระหว่างชั่วโมงซื้อขายเมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา ก่อนเริ่มกระเตื้องขึ้นและปิดการซื้อขายเมื่อวันพุธที่ 2.92 บาท
ผลกระทบจากเชื้อไวรัส ฉุดให้หุ้นทั้งกระดานร่วงหนัก แต่หุ้นส่วนใหญ่พร้อมจะดีดตัวกลับ ถ้าภาวะตลาดหุ้นโดยรวมกระเตื้องขึ้น แต่หุ้น THAI อาจไม่ฟื้นง่ายๆ เพราะผลประกอบการมีแนวโน้มย่ำแย่
ยอดขาดทุนสะสมของบริษัทฯ เมื่อสิ้นปี 2562 มีจำนวนทั้งสิ้น 19,383.39 ล้านบาท และ หากขาดทุนปีละระดับ 1 หมื่นล้านบาทต่อไป จะนำเงินจากไหนมาเสริมสภาพคล่อง หรือใช้เป็นทุนหมุนเวียน
กระทรวงการคลังที่ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 51.03% จะหาเงินจากไหนมาพยุง และการเพิ่มทุนคงไม่ง่าย เพราะผู้ถือหุ้นใหญ่อาจไม่พร้อมใส่เงินเพิ่ม
ผู้ถือหุ้นรายย่อยของ THAI มีจำนวนทั้งสิ้น 106,958 ราย และเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีจำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อยมากที่สุด โดยทุกคนบาดเจ็บจากการลงทุน และบางคนอาจถือหุ้นราคาต้นทุน 60 บาท หรือถือตั้งแต่ปี 2535 ที่มีการนำหุ้นเสนอขายประชาชนทั่วไป
หุ้นสายการบินทั้งหมดดำดิ่งลง สร้างจุดต่ำสุดใหม่กันถ้วนหน้า จากพิษของเชื้อร้ายโควิด โดยหุ้น THAI เป็นอีกหุ้นสายการบินที่มองไม่เห็นแนวทางการฝ่าวิกฤตผลประกอบการ
ผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวนกว่า 1 แสนราย อาจทำใจไว้แล้ว จะกำหุ้นไว้ในมือ พร้อมตายไปกับการบินไทย เพราะทนตัดขาดทุนไม่ไหว แต่ยิ่งถือราคาหุ้นยิ่งทรุด โดยไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัว
จากหุ้นรัฐวิสาหกิจแปรรูปขนาดใหญ่ และได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม ช่วงที่นำหุ้นเสนอขายประชาชนเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2535 ในราคาจองซื้อหุ้นละ 60 บาท โดยยอดจองซื้อสูงกว่าจำนวนหุ้นที่นำมาจัดสรร จนต้องจัดสรรเฉลี่ยคนละ 200 หุ้น
มาวันนี้ THAI กลายสภาพเป็นหุ้นที่ตายซากคากระดาน ผู้ถือหุ้นรายย่อยกว่า 1 แสนราย อยู่ในสภาพสิ้นหวัง ไม่รู้จะบริหารจัดการอย่างไรกับหุ้นที่ “ติดมือ” อยู่
จากเงินลงทุน 60 บาท ผ่านไป 28 ปี ดอกผลการลงทุนควรจะงอกเงย แต่เงินลงทุนกลับหดหาย คงเหลือไม่ถึง 3 บาท
ถ้าทำใจยอมรับไม่ได้ เครียดตายกับหุ้น THAI
