ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันอังคารที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา พุ่งทะยานกว่า 2,000 จุด สร้างสถิติพุ่งขึ้นสูงสุดในวันเดียวรอบ 87 ปี จุดพลุความสว่างไสวให้ตลาดหุ้นทั่วโลก รวมทั้งตลาดหุ้นไทยที่จะได้รับอานิสงส์ไปด้วย
การดีดตัวแรงของตลาดหุ้นทั่วโลกครั้งนี้ ยังไม่ใช่สัญญาณบ่งชี้ว่า วิกฤตจากเชื้อไวรัสโควิด-19 จะผ่านพ้นไปแล้ว และหุ้นทั้งโลกกำลังจะเปลี่ยนทิศทางสู่ช่วงขาขึ้น จึงไม่ควรมองโลกในแง่ดีเกินไป
ก่อนที่ตลาดหุ้นทั่วโลกจะเปลี่ยนจากสีแดงฉาน กลับมาเป็นสีเขียวขจี ดัชนีหุ้นไทยอยู่ในภาวะถอยร่น มีแนวโน้มจะหลุดจากระดับ 1,000 จุดอีกครั้ง แต่ดัชนีดาวโจนส์เข้ามาช่วยชุบชีวิต กระตุ้นให้บรรยากาศการลงทุนในระยะสั้นกลับมาคึกคักสดใส
แต่หุ้นจะฟื้นได้ขนาดไหน ดัชนีฯ จะพุ่งไปแตะที่ระดับ 1,200 จุดได้หรือไม่ และนักลงทุนจะวางกลยุทธ์อย่างไร
ตลาดหุ้นพร้อมที่จะฟื้นตลอดเวลา เพราะเมื่อมีปัจจัยบวกเข้ามากระตุ้น ดัชนีหุ้นพุ่งแรงขานรับ และหลายครั้งแล้วที่หุ้นมีแนวโน้มปรับทิศทางไปสู่ขาขึ้น แต่ก็ขึ้นได้เพียงช่วงสั้นๆ 1-2 วันเท่านั้น หลังจากนั้นทรุดตัวลงมาใหม่ ซึ่งเคยดิ่งลงหนักกว่าเดิมเสียอีก
เช่นเดียวกัน การดีดตัวกลับขึ้นมาในรอบนี้ อาจเกิดขึ้นเพียงสั้นๆ และมีโอกาสเกิดความผันผวนตามมา
การแกว่งตัวขึ้นลงรุนแรงของตลาดหุ้น การเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นในแต่ละวันที่อาจเปลี่ยนเป็นหนังคนละม้วน จากพุ่งขึ้นแรงวันนี้ กลับมาร่วงหนักในวันรุ่งขึ้น ทำให้นักลงทุนหวาดผวาในความไม่แน่นอน และบางส่วนเริ่มปรับกลยุทธ์ใหม่
จังหวะที่ตลาดหุ้นดีดตัวขึ้น จึงเป็นโอกาสในการทยอยขายหุ้นออก เพื่อลดความเสี่ยงในความผันผวน และชิงทำกำไรจังหวะที่หุ้นเด้งแรงๆ ไม่ใช่ช่วงเวลาที่จะตามแห่ไล่ซื้อหุ้นเก็บ
ความเสียหายซ้ำซาก การช้อนซื้อหุ้นแล้วเจ็บแทบจะทุกรอบ ทำให้นักลงทุนบางคนต้องทบทวนจังหวะการลงทุนใหม่ โดยกำหนดกลยุทธ์ทวนกระแส เมื่อหุ้นขึ้นต้องชิงขาย เพราะถ้าไม่ขายอาจเสียโอกาสดี และขายออกแล้วอาจมีโอกาสซื้อคืนในราคาที่ต่ำกว่า
ภาวะตลาดหุ้นวันจันทร์ที่ผ่านมา อาจเป็นปรากฏการณ์ของการชิงจังหวะขายทำกำไรในยามหุ้นขึ้นอีกครั้ง เพราะมีแรงขายทำกำไรออกมาตลอดชั่วโมงซื้อขาย ทำให้ดัชนีหุ้นวิ่งสะดุดเป็นช่วง หรือพุ่งขึ้นไม่เต็มสูบ เนื่องจากมีการเทขายหุ้นออกมาสกัดความร้อนแรงเป็นระยะ
แนวโน้มตลาดหุ้นย้อนเข้าสู่ขาขึ้นอีกครั้ง แต่สถานการณ์ก็ยังมีลักษณะวันต่อวัน หุ้นอาจพลิกผันลงไปอีก ถ้ามีข่าวร้ายหรือปัจจัยลบเข้ามากระทบ จึงต้องเฝ้าระวัง ไม่ประมาท หรือใช้กลยุทธ์ใหม่
เมื่อหุ้นขึ้น อย่าซื้อ ยิ่งขึ้นแรงยิ่งต้องไม่ไล่ซื้อตาม แต่อาจตัดขายหุ้นออกบางส่วน โดยเลือกหุ้นที่มีต้นทุนต่ำ หรือขายหุ้นที่เพิ่งซื้อมาใหม่ทำกำไรออกไปก่อน เพื่อไม่ต้องเสียใจภายหลัง หากตลาดเกิดการปรับฐานลงมาใหม่
พราะหากเชื้อไวรัสยังแพร่ระบาด ตลาดหุ้นจะไม่อยู่ในภาวะปกติ และสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดความแปรปรวนตลอดเวลา นอกจากนั้นรัฐบาลยังเตรียมใช้ยาแรง เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ซึ่งจะส่งผลกระทบซ้ำเติมเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นการลงทุน
ในภาวะที่ตลาดหุ้นมีความสุ่มเสี่ยง มีกำไรเก็บเข้ากระเป๋าไว้ก่อนดีไหม ไม่ต้องขายล้างพอร์ต เพราะอาจทนตัดขาดทุนไม่ไหว
ตัวไหนเพิ่งซื้อเข้า มีต้นทุนต่ำๆ ทยอยขายบ้างก็ได้
