ตลาดหุ้นทำท่าจะฟื้นอยู่หลายครั้ง แต่สุดท้ายทรุดฮวบลงไปใหม่ ทำให้นักลงทุนท้อแท้และถอดใจ เพราะเข้าไปช้อนซื้อหุ้นเมื่อไหร่ เป็นต้องเจ็บตัวเมื่อนั้น และเจ็บหนักๆ ด้วย
วิกฤตไวรัสโควิด-19 ยังสร้างผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก สถานการณ์แพร่ระบาดแต่ละวัน กลายเป็นปัจจัยชี้นำทิศทางการลงทุน โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทย ซึ่งเคลื่อนไหวตามดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เต็มตัว
แนวโน้มตลาดหุ้นไทยอยู่ในภาวะที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ แม้ดัชนีหุ้นจะลงมาลึกมาก แต่ไม่มีใครกล้ารับประกันว่า จุดต่ำสุดในรอบนี้ผ่านพ้นไปหรือยัง เพราะผลกระทบจากเชื้อไวรัสยังคุกรุ่น และอาจฉุดดัชนีหุ้นดิ่งลงไปใหม่
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ส่วนใหญ่เชื่อว่า ดัชนีหุ้นมีสิทธิที่จะหลุดลงต่ำกว่าระดับ 1,000 จุดอีกครั้ง และจุดต่ำสุดที่ระดับ 969 จุด อาจถูกทำลายลง จึง แนะนำให้นักลงทุนระมัดระวัง อย่าผลีผลามช้อนซื้อหุ้น
นักลงทุนรายย่อยเป็น กลุ่มที่บาดเจ็บหนัก เพราะช้อนซื้อหุ้นต่อเนื่อง มียอดซื้อสุทธิสะสมจากต้นปี 104,463 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนต่างชาติได้โอกาสชิงตัดขาดทุนขาย และมียอดขายสุทธิ 108,914 ล้านบาท
ความรู้สึกว่าราคาหุ้นปรับตัวลงมามาก จนปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งขึ้น และตลาดหุ้นก็พร้อมจะดีดกลับตลอดเวลา กลายเป็นแรงกระตุ้นให้นักลงทุนรายย่อยแห่เข้าไปช้อนซื้อหุ้น เปิดทางให้ต่างชาติสามารถขายหุ้นทิ้งได้อย่างคล่อง เพราะมีแรงซื้อรับตลอดเวลา
การเข้าไปช้อนซื้อหุ้นหวังดักทำกำไรระยะสั้น เมื่อหุ้นดีดกลับนั้น ทำท่าจะเป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่ถูกต้อง
เพราะเมื่อมีข่าวดีเพียงชิ้นเล็กๆ หรือดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ กระเตื้องขึ้น ตลาดหุ้นไทยจะคึกคักทันที โดยบางวันดัชนีหุ้นอาจฟุบลงไปกว่า 100 จุด แต่ช่วงบ่าย สามารถเด้งกลับมาบวกหลายสิบจุดได้อย่างเหลือเชื่อ
ดังนั้น เมื่อหุ้นลงไปแรง นักลงทุนรายย่อยจึงทยอยเข้าช้อนซื้อเก็บ เพราะเชื่อว่าหุ้นไม่น่าจะปรับฐานลงไปอีกมากนัก แต่มีโอกาสดีดกลับแรงๆ ได้ ถ้าไม่มีข่าวร้ายเกี่ยวกับเชื้อไวรัสซ้ำเติม ซึ่งจะถือเป็นข่าวดีที่จะกระตุ้นให้หุ้นฟื้นได้แล้ว
แต่ข่าวดี นานๆ จะมาที และมาเพียงชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น ผลักดันให้หุ้นปรับตัวขึ้นเพียงช่วงสั้นๆ ซึ่งหากนักลงทุนรายย่อยไม่ชิงจังหวะขายทำกำไร มักเสียโอกาส เพราะข่าวร้ายจะแทรกเข้ามา ฉุดให้หุ้นพลิกผันในช่วงพริบตา
ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นปรับตัวลงเกือบ 600 จุด และเป็นช่วงขาลงเต็มตัว แต่มีการเด้งขึ้นบ้างในบางครั้ง เมื่อมีข่าวในเชิงบวก ก่อนจะทรุดลงไปใหม่ เนื่องจากสถานการณ์ความเลวร้ายของเชื้อไวรัส COVID-19
การปรับฐานแรงในแต่ละครั้ง นักลงทุนรายย่อยมักหนีไม่ทัน และต้องแบกหุ้นต้นทุนสูงเข้าพอร์ตตามระเบียบ
ปัจจุบันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด กำลังลุกลามในวงกว้างภายในประเทศ เป็นปัจจัยร้ายที่กระหน่ำตลาดหุ้น จนน่าจะหลุดระดับ 1,000 จุดอีกครั้ง นอกเหนือจากอีกหลายประเทศ รวมทั้งสหรัฐฯ ที่ยังเผชิญวิกฤตไวรัส
โอกาสที่ตลาดหุ้นจะเปลี่ยนทิศ พลิกจากขาลงกลับเข้าสู่ช่วงขาขึ้นยังมองไม่เห็น
อาจมีข่าวดีปลุกให้หุ้นคึกคักขึ้นได้เป็นบางช่วง ทำให้นักลงทุนได้ฝันหวานกันได้บ้าง แต่ก็เป็นข่าวดีเพียงชั่ววูบ จนนักลงทุนต้องฝันสลายโดยไม่ทันข้ามคืน ขณะที่ข่าวร้ายเชื้อไวรัสโควิด-19 จะยังดำรงอยู่อย่างถาวรต่อไปอีกระยะหนึ่ง
และตราบใดที่เชื้อไวรัสโควิด-19 ยังไม่ถูกกำราบได้อย่างเบ็ดเสร็จ ตลาดหุ้นไม่มีวันสงบ และไม่อาจคาดหมายจุดต่ำสุดของรอบได้