xs
xsm
sm
md
lg

"เวสเทิร์น เดคอร์ฯ" ผุดโชว์รูมพัทยารับอสังหาฯ บูม เตรียมเข้า mai ไตรมาส 3 ปีนี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายบัณฑิต หิรัญญนิธิวัฒนา
"เวสเทิร์น เดคอร์ฯ" ผู้นำเข้าวัสดุตกแต่งบ้านรายใหญ่ รับมือวิกฤตโควิด-19 ผ่าน 3 กลยุทธ์ ตั้งทีมพิเศษเน้นบริหารสต๊อก ขยายฐานลูกค้าใหม่ จัดโปรโมชัน พร้อมดูแลลูกค้าโครงการ ทั้งโรงแรม คอนโดฯ บ้านจัดสรร ปรับสินค้าให้เหมาะกับงบลูกค้า ลงทุนสร้างคลังสินค้ารับพื้นที่วางสินค้า 20,000 ตร.ม. เดินหน้าตามโมเดลธุรกิจ เข้าตลาด mai ระดมเงินรับแผนการเติบโต ขยายสาขาในประเทศและต่างประเทศรวมเป็น 12 แห่ง ล่าสุด ทุ่ม 15 เปิดสาขาใหม่ที่พัทยา ย้ำการทำธุรกิจมุ่งสร้างผลกำไร วางเป้าขายปีนี้กว่า 700 ล้านบาท โตเพิ่ม 8-10%

นายบัณฑิต หิรัญญนิธิวัฒนา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เวสเทิร์น เดคอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ WDC ซึ่งดำเนินธุรกิจผู้นำเข้าวัสดุตกแต่งบ้าน ทั้งกระเบื้องปูพื้นและผนัง รวมทั้งสุขภัณฑ์ที่สวยงาม ทันสมัย และมีความโดดเด่นในเรื่องของดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ในกลุ่มตลาดระดับกลางถึงบน ระดับราคาตั้งแต่ 200-10,000 บาทต่อตารางเมตร (ตร.ม.) ซึ่งดำเนินธุรกิจก้าวเข้าสู่ปีที่ 16 เปิดเผยว่า ในปี 2563 บริษัทยังคงเดินหน้าขยายโอกาสการลงทุนและรักษากำไรให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ปี ผ่านกลยุทธ์ในด้าน 1.การเพิ่มทีมพิเศษเข้ามาดูแลเรื่องการบริหารการขาย บริหารสินค้า (สต๊อก) เป็นหลัก เนื่องจากโครงสร้างสินค้าของบริษัทเกือบ 100% เป็นการนำเข้าจากผู้ผลิตสำคัญใน 8 ประเทศ ได้แก่ ประเทศอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เวียดนาม อินเดีย อิตาลี จีน และสเปน ซึ่งเป็นวิธีการบริหารความเสี่ยงมากกว่าจะกระจุกแหล่งนำเข้าประเทศเดียว ซึ่งผลจากเหตุการแพร่กระจายเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ในช่วงที่ผ่านมา มีส่วนทำให้แหล่งวัตถุดิบ (Supply Chain) อาจจะสะดุดไปบ้าง เช่น ในประเทศจีน ตามนโยบายของรัฐบาลจีนที่ให้ประชาชนของตนเองหยุดอยู่บ้าน เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 แต่ล่าสุด โรงงานที่ผลิตสินค้าให้แก่บริษัทฯ เริ่มกลับมาทำงานแล้ว


"โชคดีที่เราไม่มีฐานผลิตที่ประเทศจีนที่เดียว แต่เรามีฐานผลิตนำเข้าสินค้าในหลายประเทศ เป็นการกระจายความเสี่ยง เหมือนเราเอาไข่ไปวางกระจายไปทั่ว ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก โดยเราไปจ้างผลิตเพิ่มที่ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อนำสินค้าเข้าทำตลาดในประเทศไทยและสร้างการเติบโตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือแม้แต่ประเทศอิตาลี ช่วง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา อาจปิดประเทศ แต่ปัจจุบันได้รับการยืนยันจากโรงงานที่กลับมาผลิตได้ตามเดิม ซึ่ง Supply Chain เราไม่มีปัญหา เราแน่นอยู่ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีการบริหารสต๊อกให้เหมาะสมต่อความต้องการ ทั้งจากดีมานด์ในกลุ่มโครงการต่างๆ และกลุ่มลูกค้าทั่วไป โดยอยู่ระหว่างการก่อสร้างคลังสินค้าบนเนื้อที่ 20 ไร่ ทำให้มีพื้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 20,000 ตร.ม. รองรับการสั่งสินค้าได้ 200-300 ล้านบาท ซึ่งเราต้องเตรียมสินค้ารองรับในระยะ 6 เดือนจนไปถึง 1 ปี"

2.การเพิ่มกลุ่มลูกค้า โดยจะขยายไปตลาดกลุ่มลูกค้าบ้านมากขึ้น จากเดิมลูกค้าของบริษัทจะเป็นค้าส่งให้แก่กลุ่มโมเดิร์นเทรด เช่น โฮมโปร ไทวัสดุ และโกลบอลเฮ้าส์ การขยายฐานลูกค้าใหม่จะเป็นวิธีช่วยผลักดันในเรื่องของยอดขายและการสร้างผลกำไร และ 3.เพิ่มโปรโมชันและออกคอลเลกชันใหม่ๆ เพื่อให้รับมาร์เกตเทรนด์ เช่น สินค้าเพื่อสุขภาพ หรือสินค้าเพื่อผู้สูงอายุ เป็นต้น


"จากสถานการณ์เรื่องโควิด-19 ก็มีผลต่อลูกค้าชาวจีนที่เข้าท่องเที่ยวในไทย ตอนนี้ ทุกคนร้องกันหมด ลูกค้าโรงแรมในพัทยา ตลอดเดือนมกราคม ชาวจีนยกเลิกกันหมด หรือแม้แต่โครงการอสังหาริมทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นอาคารชุด หรือ โครงการบ้านจัดสรร รวมถึงโครงการคอมมูนิตีมอลล์ ปรับการบริหารโครงการ บางรายขอลดราคา ซึ่งเราก็นำเสนอสินค้าที่มีราคาถูกลงเพื่อให้เหมาะต่อความต้องการของโครงการ และไม่ให้กระทบต่อแบ็กล็อกของบริษัทที่มีอยู่ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ ที่จะส่งมอบในปีนี้ประมาณครึ่งหนึ่งของแบ็กล็อก"

สำหรับแผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai นั้น นายบัณฑิต กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการนำเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวน (Filing) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชน (IPO) โดยมีบริษัท APM เป็นที่ปรึกษทางการเงิน คาดว่าเงินที่ระดมทุนได้ประมาณ 100-200 ล้านบาท จะนำมาขยายธุรกิจเพื่อรองรับแผนสร้างการเติบโตของบริษัทตามโมเดลธุรกิจใน 10 ปีข้างหน้า ซึ่งตามแผนงานเปิดสาขาภายในปี 2566 จะเปิดให้ครอบคลุมเพิ่มเป็น 12 แห่ง โดยล่าสุด ได้ทุ่มเงินลงทุน 15 ล้านบาท เปิดโชว์รูมแห่งที่ 6 ในพัทยา เพื่อรองรับการขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์และการท่องเที่ยว และมีแผนที่จะเปิดสาขาที่ 7 เพื่อรองรับความต้องการลูกค้าในโซนบางนา ตั้งอยู่ที่โครงการ For You Park และจะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ ปัจจุบันโชว์รูมที่เปิดให้บริการ ได้แก่ Crystal Design Center (CDC) นิมิตรใหม่ หาดใหญ่ เชียงใหม่ และภูเก็ต


นอกจากนี้ ไม่เพียงแต่เพิ่มศักยภาพในการลงทุนในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังเล็งเห็นถึงโอกาสในการขยายธุรกิจ และเติบโตในประเทศกลุ่มภูมิภาคเอเชีย จึงเริ่มต้นขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศเพื่อต่อยอดธุรกิจในปัจจุบัน และเพิ่มโอกาสในการเติบโตระยะยาว โดยการเปิดสาขาสำนักงาน (Branch Office) พร้อมทั้งจะร่วมกับพันธมิตรในประเทศอินโดนีเซีย และเวียดนาม เปิดสาขาที่ 8 และ 9 ภายในปี 2564


นายบัณฑิต กล่าวถึงเป้าหมายการขายในปี 2563 ว่า จะยังคงรักษาการเติบโตระดับ 8-10% หรือมียอดขายกว่า 700 ล้านบาท ปี 2562 บริษัทมียอดขาย 670 ล้านบาท และปี 2561 มียอดขาย 614 ล้านบาท โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทมีกำไรสุทธิ (NP) ประมาณ 6-8% ปี 61 NP อยู่ที่ 5-6%


ปัจจุบัน WDC มีกลุ่มสินค้าแบ่งออกเป็น 5 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่ 1.กลุ่มสินค้ากระเบื้อง (Tile) ซึ่งมีทั้งเซรามิก และ Porcelain 2.กลุ่มสินค้าวัสดุทดแทนกระเบื้อง (Non-Tile)ได้แก่ Vinyl, SPC, ไม้ Laminate และ Engineering Wood 3.กลุ่มสินค้า Mosaic ซึ่งมีทั้ง Porcelain และ Glass Mosaic 4.กลุ่มสินค้า Big Slab คือ กระเบื้องแผ่นใหญ่ ได้แก่ Marble Tile, Quartz Stone และ 5.กลุ่มสุขภัณฑ์ (Sanitary Ware) ซึ่งมีทั้งก๊อกน้ำ อ่างอาบน้ำ ฝักบัว โถสุขภัณฑ์ ซึ่งสินค้าที่ขายดีในกลุ่มกระเบื้อง (Tile) จะเป็นพวกสี Monochrome ซึ่งเป็นโทนสีเทา (ทั้งอ่อน และเข้ม) และโทนสีขาว ที่ตอบโจทย์สไตล์บ้านที่กำลังเป็นที่นิยม ทั้งสไตล์ Modern และ Contemporary ส่วนสินค้าขายดีในกลุ่มวัสดุทดแทนไม้ (Non-Tile) จะพวกสีโทนเย็น เช่น สีน้ำตาลอ่อน น้ำตาลเทา ที่ให้ความรู้สึก Modern แต่เย็นตา
กำลังโหลดความคิดเห็น