SENA เผยผลประกอบการปี 2562 สร้างรายได้กว่า 5,200 ล้านบาท ทำกำไรสุทธิต่อเนื่อง 890 ล้านบาท โชว์ยอด Backlog ตุนเต็มกระเป๋ากว่า 11,800 ล้านบาท ทยอยรับรู้ในปี 63 แตะ 7,000 ล้านบาท ระบุแผนธุรกิจพร้อมปรับทุก 3 เดือนรับมือตลาดฝืด ไวรัสโควิด-19 ฉุดกำลังซื้อหดหาย
ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA กล่าวว่า แม้ภาพรวมปี 2562 ต้องเผชิญต่อปัจจัยกระทบมากมายที่เกิดขึ้น แต่ผลการดำเนินงานของบริษัทเสนา และบริษัทย่อย ประจำปี 2562 ยังสามารถทำยอดขายได้ 7,421 ล้านบาท จากการเปิดตัวโครงการ 11 โครงการ รวมมูลค่า 10,172 ล้านบาท ส่วนรายได้รวม 5,297 ล้านบาท ลดลงอยู่ที่ 4.4% โดยมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 891.6 ล้านบาท ลดลง 4.2% เมื่อเทียบกับปี 2561 เป็นผลมาจากการชะลอตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากการออกมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (LTV : loan to value) ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้รัฐบาลได้ออกมาตรการผ่อนปรนในการพิจารณาการปล่อยสินเชื่อ และเกณฑ์การยกเว้นค่าธรรมเนียมการโอน นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่ปรับตัวลดลง ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีหลังมีแรงซื้อของกลุ่มที่ต้องการที่อยู่อาศัยที่แท้จริง (Real Demand) มีจำนวนที่เพิ่มขึ้น
ภาพรวมของผลดำเนินงานของบริษัทในปี 2562 แบ่งเป็นการรับรู้รายได้จากการขายที่อยู่อาศัย ประเภท บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม อาคารพาณิชย์ และคอนโดมิเดียม รวมทั้งสิ้น 3,769.6 ล้านบาท ลดลง 16.9 % เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยแบ่งเป็นการรับรู้รายได้จากคอนโดมิเนียมอยู่ที่ 2,896 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 18.8% ขณะที่การรับรู้รายได้จากกลุ่มบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และอาคารพาณิชย์อยู่ที่ 873.6 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 9.8 ง% โดยรายได้หลักจากการขายที่อยู่อาศัยแยกตามประเภทของแบรนด์ธุรกิจ ได้แก่ แบรนด์ “นิช” จำนวน 1,144 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 2,491.1 ล้านบาท แบรนด์ “เดอะ คิทท์” จำนวน 261 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 404.9 ล้านบาท ประเภทบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมและอาคารพาณิชย์ ภายใต้แบรนด์ “เสนา พาร์ค วิลล์” จำนวน 27 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 181.9 ล้านบาท “เสนา พาร์ค แกรนด์” จำนวน 6 ยูนิต คิดเป็น 58.3 ล้านบาท “เสนา วิลล์” จํานวน 16 ยูนิต มูลค่า 80 ล้านบาท “เสนา แกรนด์ โฮม” จํานวน 2 ยูนิต มูลค่า 16.3 ล้านบาท และ “บ้านรีสอร์ทพัทยา” 1 ยูนิต มลูค่า 1.1 ล้านบาท “ช็อปเฮ้าส์และอเวนิว” จํานวน 54 ยูนิต จำนวน 375.4 ล้านบาท “แพรมาพร” จํานวน 3 ยูนิต มูลค่า 7.2 ล้านบาท และแบรนด์ “เสนา วานิช” จํานวน 74 ยูนิต 153.3 ล้านบาท
ส่วนการรับรู้รายได้จากค่าเช่าและบริการอยู่ที่ 1,272.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66% เมื่อเทียบกับปีก่อน ประกอบด้วย รายได้ค่าเช่าและบริการอพาร์ตเมนต์ 13.8 ล้านบาท รายได้บริหารนิติบุคคล 39 ล้านบาท ธุรกิจเช่าโกดัง 26.8 ล้านบาท รายได้จากธุรกิจคอมมูนิตีมอลล์เสนาเฟสท์ 74 ล้านบาท รายได้จากสนามกอล์ฟ 98 ล้านบาท รายได้รับบริหารโครงการ 969.3 ล้านบาท มาจากการเข้าไปบริหารโครงการเพิ่มขึ้นจาก 6 โครงการ เป็น 13 โครงการ รายได้จากการเช่าที่ดิน 3.7 ล้านบาท รายได้ค่านายหน้า ค่าที่ปรึกษาขายอสังหาฯ 41.6 ล้านบาท และรายได้รับเหมาก่อสร้าง 5.8 ล้านบาท เป็นผลมาจากการขยายธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในช่วงกลางปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังมีรายได้จากการเช่าอุปกรณ์โซลาร์ 0.7 ล้านบาท
ขณะที่รายได้จากธุรกิจโซลาร์ ปี 2562 อยู่ที่ 98.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 80.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเพิ่มขึ้นมาจากการรับงานติดตั้งโซลาร์เซลล์ให้แก่กลุ่มอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ และรับรู้ส่วนแบ่งจากกำไรที่บริษัทได้ลงทุนไว้ อยู่ที่ 50.5 ล้านบาท ธุรกิจโซลาร์ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยทิศทางการบริหารจัดการต้นทุนด้านพลังงานของสถานประกอบการให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ประกอบกับนโยบายของภาครัฐได้ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการและภาคครัวเรือนเข้าร่วมโครงการติดตั้งพลังงานสะอาดตามแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า (PDP) โดยปัจจุบันบริษัทมียอดขายที่รอรับรู้รายได้จากการโอน (Backlog) คิดเป็นมูลค่า 11,841 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2562 ทยอยรับรู้รายได้ในช่วงที่เหลือของปี 2563 ประมาณ 6,924 ล้านบาท และทยอยรับรู้ในปีถัดไป
สำหรับในปี 2563 มีแผนการเปิดโครงการใหม่ทั้งสิ้น 10 โครงการ รวมมูลค่า 7,500 ล้านบาท แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 6 โครงการ และแนวราบ 4 โครงการ โดยมีที่ดินรองรับการพัฒนาโครงการแล้ว แต่จะประเมินภาพรวมเศรษฐกิจชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง จากไวรัสโควิด-19 ที่กลายเป็นปัญหาต่อการทำธุรกิจไปทั่วโลก แต่ถ้ามีสัญญาณเศรษฐกิจฟื้นตัวจะพิจารณาตามความเหมาะสมของสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม การพัฒนาทุกโครงการ เสนาจะยังคงนำเอาแนวคิด Made From Her ใส่ใจทุกดีเทลชีวิตจากแนวคิดผู้หญิง และการนำ Solar Cells เข้ามาปรับใช้ทุกโครงการ เพื่อเป็นประโยชน์แก่ลูกค้าทั้งในแง่สังคมและในแง่ของคนที่ซื้ออยู่จริงที่จะรับประโยชน์โดยตรง รวมทั้งยังให้ความใส่ใจกับการบริการหลังการขาย ด้วยนำเอาเทคโนโลยีและแอปพลิเคชัน เสนา 360 องศา บริการสำหรับลูกบ้านแบบครบวงจร
ล่าสุด เสนาได้จัดแคมเปญพิเศษ “โปรปิดตึกกับยูนิตล็อตสุดท้าย” นำคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่บนทำเลศักยภาพ 7 โครงการ มอบส่วนลดสูง 25% ผ่อนราคาเบาๆ เพียงล้านละ 2,800 บาท/เดือน* ประกอบด้วย โครงการ Niche MONO Peak บางนา โครงการ Niche MONO รัชวิภา โครงการ Niche ID พระราม 2 โครงการ The Kith ติวานนท์ โครงการ The Kith lite บางกะดี-ติวานนท์ โครงการ Niche ID สุขุมวิท 113 โครงการ The KITH PLUS สุขุมวิท 113 โดยเริ่มแล้วตั้งแต่วันนี้-10 เมษายน 2563
ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA กล่าวว่า แม้ภาพรวมปี 2562 ต้องเผชิญต่อปัจจัยกระทบมากมายที่เกิดขึ้น แต่ผลการดำเนินงานของบริษัทเสนา และบริษัทย่อย ประจำปี 2562 ยังสามารถทำยอดขายได้ 7,421 ล้านบาท จากการเปิดตัวโครงการ 11 โครงการ รวมมูลค่า 10,172 ล้านบาท ส่วนรายได้รวม 5,297 ล้านบาท ลดลงอยู่ที่ 4.4% โดยมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 891.6 ล้านบาท ลดลง 4.2% เมื่อเทียบกับปี 2561 เป็นผลมาจากการชะลอตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากการออกมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (LTV : loan to value) ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้รัฐบาลได้ออกมาตรการผ่อนปรนในการพิจารณาการปล่อยสินเชื่อ และเกณฑ์การยกเว้นค่าธรรมเนียมการโอน นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่ปรับตัวลดลง ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีหลังมีแรงซื้อของกลุ่มที่ต้องการที่อยู่อาศัยที่แท้จริง (Real Demand) มีจำนวนที่เพิ่มขึ้น
ภาพรวมของผลดำเนินงานของบริษัทในปี 2562 แบ่งเป็นการรับรู้รายได้จากการขายที่อยู่อาศัย ประเภท บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม อาคารพาณิชย์ และคอนโดมิเดียม รวมทั้งสิ้น 3,769.6 ล้านบาท ลดลง 16.9 % เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยแบ่งเป็นการรับรู้รายได้จากคอนโดมิเนียมอยู่ที่ 2,896 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 18.8% ขณะที่การรับรู้รายได้จากกลุ่มบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และอาคารพาณิชย์อยู่ที่ 873.6 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 9.8 ง% โดยรายได้หลักจากการขายที่อยู่อาศัยแยกตามประเภทของแบรนด์ธุรกิจ ได้แก่ แบรนด์ “นิช” จำนวน 1,144 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 2,491.1 ล้านบาท แบรนด์ “เดอะ คิทท์” จำนวน 261 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 404.9 ล้านบาท ประเภทบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมและอาคารพาณิชย์ ภายใต้แบรนด์ “เสนา พาร์ค วิลล์” จำนวน 27 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 181.9 ล้านบาท “เสนา พาร์ค แกรนด์” จำนวน 6 ยูนิต คิดเป็น 58.3 ล้านบาท “เสนา วิลล์” จํานวน 16 ยูนิต มูลค่า 80 ล้านบาท “เสนา แกรนด์ โฮม” จํานวน 2 ยูนิต มูลค่า 16.3 ล้านบาท และ “บ้านรีสอร์ทพัทยา” 1 ยูนิต มลูค่า 1.1 ล้านบาท “ช็อปเฮ้าส์และอเวนิว” จํานวน 54 ยูนิต จำนวน 375.4 ล้านบาท “แพรมาพร” จํานวน 3 ยูนิต มูลค่า 7.2 ล้านบาท และแบรนด์ “เสนา วานิช” จํานวน 74 ยูนิต 153.3 ล้านบาท
ส่วนการรับรู้รายได้จากค่าเช่าและบริการอยู่ที่ 1,272.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66% เมื่อเทียบกับปีก่อน ประกอบด้วย รายได้ค่าเช่าและบริการอพาร์ตเมนต์ 13.8 ล้านบาท รายได้บริหารนิติบุคคล 39 ล้านบาท ธุรกิจเช่าโกดัง 26.8 ล้านบาท รายได้จากธุรกิจคอมมูนิตีมอลล์เสนาเฟสท์ 74 ล้านบาท รายได้จากสนามกอล์ฟ 98 ล้านบาท รายได้รับบริหารโครงการ 969.3 ล้านบาท มาจากการเข้าไปบริหารโครงการเพิ่มขึ้นจาก 6 โครงการ เป็น 13 โครงการ รายได้จากการเช่าที่ดิน 3.7 ล้านบาท รายได้ค่านายหน้า ค่าที่ปรึกษาขายอสังหาฯ 41.6 ล้านบาท และรายได้รับเหมาก่อสร้าง 5.8 ล้านบาท เป็นผลมาจากการขยายธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในช่วงกลางปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังมีรายได้จากการเช่าอุปกรณ์โซลาร์ 0.7 ล้านบาท
ขณะที่รายได้จากธุรกิจโซลาร์ ปี 2562 อยู่ที่ 98.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 80.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเพิ่มขึ้นมาจากการรับงานติดตั้งโซลาร์เซลล์ให้แก่กลุ่มอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ และรับรู้ส่วนแบ่งจากกำไรที่บริษัทได้ลงทุนไว้ อยู่ที่ 50.5 ล้านบาท ธุรกิจโซลาร์ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยทิศทางการบริหารจัดการต้นทุนด้านพลังงานของสถานประกอบการให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ประกอบกับนโยบายของภาครัฐได้ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการและภาคครัวเรือนเข้าร่วมโครงการติดตั้งพลังงานสะอาดตามแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า (PDP) โดยปัจจุบันบริษัทมียอดขายที่รอรับรู้รายได้จากการโอน (Backlog) คิดเป็นมูลค่า 11,841 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2562 ทยอยรับรู้รายได้ในช่วงที่เหลือของปี 2563 ประมาณ 6,924 ล้านบาท และทยอยรับรู้ในปีถัดไป
สำหรับในปี 2563 มีแผนการเปิดโครงการใหม่ทั้งสิ้น 10 โครงการ รวมมูลค่า 7,500 ล้านบาท แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 6 โครงการ และแนวราบ 4 โครงการ โดยมีที่ดินรองรับการพัฒนาโครงการแล้ว แต่จะประเมินภาพรวมเศรษฐกิจชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง จากไวรัสโควิด-19 ที่กลายเป็นปัญหาต่อการทำธุรกิจไปทั่วโลก แต่ถ้ามีสัญญาณเศรษฐกิจฟื้นตัวจะพิจารณาตามความเหมาะสมของสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม การพัฒนาทุกโครงการ เสนาจะยังคงนำเอาแนวคิด Made From Her ใส่ใจทุกดีเทลชีวิตจากแนวคิดผู้หญิง และการนำ Solar Cells เข้ามาปรับใช้ทุกโครงการ เพื่อเป็นประโยชน์แก่ลูกค้าทั้งในแง่สังคมและในแง่ของคนที่ซื้ออยู่จริงที่จะรับประโยชน์โดยตรง รวมทั้งยังให้ความใส่ใจกับการบริการหลังการขาย ด้วยนำเอาเทคโนโลยีและแอปพลิเคชัน เสนา 360 องศา บริการสำหรับลูกบ้านแบบครบวงจร
ล่าสุด เสนาได้จัดแคมเปญพิเศษ “โปรปิดตึกกับยูนิตล็อตสุดท้าย” นำคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่บนทำเลศักยภาพ 7 โครงการ มอบส่วนลดสูง 25% ผ่อนราคาเบาๆ เพียงล้านละ 2,800 บาท/เดือน* ประกอบด้วย โครงการ Niche MONO Peak บางนา โครงการ Niche MONO รัชวิภา โครงการ Niche ID พระราม 2 โครงการ The Kith ติวานนท์ โครงการ The Kith lite บางกะดี-ติวานนท์ โครงการ Niche ID สุขุมวิท 113 โครงการ The KITH PLUS สุขุมวิท 113 โดยเริ่มแล้วตั้งแต่วันนี้-10 เมษายน 2563