ไซมิส แอสเสทฯ เผยแผนปี 63 ปรับโมเดลธุรกิจ เน้นเปิดโครงการมิกซ์ยูส คอนโดพักอาศัย โรงแรม เซอร์วิสเรสซิเดนซ์ รุกเพิ่มพอร์ตรายได้ธุรกิจให้เช่า กระจายความเสี่ยงหลัง “Covid-19” พ่นพิษชุดตลาดรวมอสังหาฯ แจงปี 63 เปิดตัวโครงการมิกซ์ยูสย่านรามอินทรา 1 โครงการ
นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทได้ปรับโมเดลธุรกิจใหม่ จากเดิมที่เน้นการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายเป็นหลัก โดยปรับมาพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส ซึ่งมีรูปแบบผสมผสานโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขายและเพื่อเช่าในพื้นที่เดียวกัน เพื่อเพิ่มพอร์ตรายได้ในกลุ่มธุรกิจเพื่อเช่าให้มากขึ้น จากปัจจุบัน บริษัทมีพอร์ตรายได้จากกลุ่มอสังหาฯ เพื่อเช่าเพียง 5% ขณะที่พอร์ตอสังหาฯ เพื่อขายมีสัดส่วน 95%
ทั้งนี้ การเพิ่มพอร์ตอสังหาฯ เพื่อเช่าถือเป็นการกระจายความเสี่ยงในภาวะตลาดประสบปัญหาชะลอตัว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรายได้ ดังนั้น เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง บริษัทจึงมีการปรับโมเดลธุรกิจใหม่ เพื่อให้บริษัทยังคงสามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง แม้ต้องประสบกับสถานการณ์ตลาดชะลอตัวหรือเกิดวิกฤตที่จะส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ทั้งในปัจจุบันและอนาคต
โดยบริษัทคาดว่า รายได้จากกลุ่มธุรกิจเพื่อเช่าจะทยอยเพิ่มขึ้นภายหลังจากที่มีการเปิดตัวโครงการใหม่ที่จะเป็นรูปแบบมิกซ์ยูส ประกอบด้วย โครงการคอนโดมิเนียมเพื่ออยู่อาศัย คอนโดมิเนียมเพื่อปล่อยเช่า และโรงแรม สำหรับโมเดลธุรกิจนี้บริษัทได้เริ่มเตรียมความพร้อมมาช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยมีการเจรจากับเชนโรงแรมที่จะเข้ามาบริหารโรงแรมในโครงการ ขณะเดียวกัน ก็จะเข้ามาบริหารคอนโดฯ ที่ปล่อยเช่าในโครงการด้วย
“สำหรับโครงการอาคารชุดในโครงการมิกซ์ยูสนั้น จะมีทั้งห้องชุดแบบมีบริการเพื่อปล่อยเช่าที่เป็นกรรมสิทธิ์ของลูกค้าและอาคารชุดให้เช่าที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะนำอาคารเก่ามาปรับปรุงและพัฒนาใหม่เพื่อขายหรือให้เช่าเพิ่มเข้ามาด้วย”
ปัจจุบัน บริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและขายรวม 13 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 40,000 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้มีโครงการที่พร้อมโอน ประกอบด้วย โครงการไซมิส เอ็กซ์คลูซีพ ควีนส์ โครงการไซมิส เอ็กซ์คลูซีพ สุขุมวิท 42 โครงการสุขุมวิท 48 และ สุขุมวิท 87 ง โดยที่มีแผนจะส่งมอบให้ลูกค้าในปีนี้
ส่วนด้านรายได้ของบริษัทในปีที่ผ่านมา มีรายได้รวม 3,430 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 47% และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 269 ล้านบาท เติบโต 17.8% จากปีก่อนหน้า ทั้งนี้ ในแต่ละปีบริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตเฉลี่ย 47% ซึ่งปี 2563 คาดว่าจะมีรายได้อยู่ที่ 5,000-6,000 ล้านบาท โดยปีนี้บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการมิกซ์ยูส บนพื้นที่ 5 ไร่ ในย่านรามอินทรา โดยโครงการดังกล่าวแบ่งออกเป็น 3 อาคาร ประกอบด้วย อาคารชุดเพื่อพักอาศัย อาคารชุดเพื่อปล่อยเช่า และโรงแรม
นายขจรศิษฐ์ กล่าวว่า สำหรับกรณีการแพร่ระบาดเชื้อ COVID-19 ในขณะนี้ มองว่าทุกวิกฤตจะมีโอกาส ดังนั้น ช่วงที่ผู้ประกอบการรายอื่นชะลอการลงทุน บริษัทยังเดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง เพราะถือเป็นช่วงที่ในตลาดมีคู่แข่งน้อย แต่การลงทุนนั้นสิ่งสำคัญจะต้องหาช่องทางการขาย รวมถึงการหาแนวทางในการลดต้นทุนและการปรับปรุงคุณภาพให้ดียิ่งขึ้น
โดยในปีนี้จะเน้นขยายไลน์การพัฒนาโครงการอสังหาฯ ที่หลากหลายมากขึ้น และมุ่งเป็น Living’s Value Creator หรือผู้พัฒนาอสังหาฯ ที่ตอบสนองความต้องการลูกค้าอย่างฉับไว สร้างคุณค่าในทุกประสบการณ์ของการอยู่อาศัยและการลงทุน โดยการเพิ่มธุรกิจด้านอาหาร ด้านบริการพื้นที่ให้เช่า เช่น Cloud Kitchen ธุรกิจด้านบริการการเช่า ได้แก่ Serviced Residence ซึ่งจะเพิ่มความมั่นคงแก่รายได้ และเพิ่มมูลค่า Asset ของลูกค้าด้วยการปรับปรุงบริการหลังการขายจากคอนโดมิเนียมปกติเป็น Breanded Residence
สำหรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจจะมี 3 ด้าน ประกอบด้วย 1.การพัฒนาห้องชุดแบบมีบริการเพื่อปล่อยเช่าที่เป็นกรรมสิทธิ์ขของลูกค้า โดยการออกแบบและพัฒนาห้องชุดที่เหมาะต่อการปล่อยเช่า เพื่อจำหน่ายแก่ลูกค้าซึ่งเป็นกลุ่มนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนจากค่าเช่า โดยมีแผนพัฒนาห้องชุดดังกล่าวในโครงการเกือบทุกโครงการ ซึ่งจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการแก่ผู้เช่าเหมือนพักอาศัยในโรงแรม 2.การพัฒนาอาคารให้เช่าที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท โดยบริษัทมีแผนถือครองกรรมสิทธิ์โครงการที่ตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ เช่น คอนโดมิเนียมที่สามารถเปลี่ยนวัตถุประสงค์การใช้งานเป็นโรงแรม หรือ Serviced Residence พื้นที่เช่าเพื่อการพาณิชย์เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำจากธุรกิจให้เช่า โดยมีแผนพัฒนาอาคารดังกล่าวในโครงการ The Collection, Siamese Exclusive 42, Siamese Exclusive Ratchada และ Siam Rama9 ซึ่งเป็นโครงการมิกซ์ยูส
3.พัฒนาและปรับปรุงอาคารเก่าเพื่อขายหรือปล่อยเช่า โดยบริษัทมีนโยบายเข้าลงทุนในอาคารที่ตั้งอยู่ในทำเลย่านศูนย์กลางธุรกิจ เช่น สีลม สุขุมวิท หรือหัวเมืองท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ เพื่อนำมาพัฒนาและปรับเปลี่ยนประเภทการใช้งานอาคารเพื่อสร้างมูลค่าแก่โครงการ เพื่อสร้างรายได้จากการขายหรือให้เช่า ซึ่งล่าสุดได้เข้าซื้อที่ดินและอาคารที่อยู่ระหว่างก่อสร้างในซอยสุขุมวิท 39 เพื่อนำมาพัฒนาเป็นโรงแรม หรือโครงการ Serviced Residence
นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทได้ปรับโมเดลธุรกิจใหม่ จากเดิมที่เน้นการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายเป็นหลัก โดยปรับมาพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส ซึ่งมีรูปแบบผสมผสานโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขายและเพื่อเช่าในพื้นที่เดียวกัน เพื่อเพิ่มพอร์ตรายได้ในกลุ่มธุรกิจเพื่อเช่าให้มากขึ้น จากปัจจุบัน บริษัทมีพอร์ตรายได้จากกลุ่มอสังหาฯ เพื่อเช่าเพียง 5% ขณะที่พอร์ตอสังหาฯ เพื่อขายมีสัดส่วน 95%
ทั้งนี้ การเพิ่มพอร์ตอสังหาฯ เพื่อเช่าถือเป็นการกระจายความเสี่ยงในภาวะตลาดประสบปัญหาชะลอตัว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรายได้ ดังนั้น เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง บริษัทจึงมีการปรับโมเดลธุรกิจใหม่ เพื่อให้บริษัทยังคงสามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง แม้ต้องประสบกับสถานการณ์ตลาดชะลอตัวหรือเกิดวิกฤตที่จะส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ทั้งในปัจจุบันและอนาคต
โดยบริษัทคาดว่า รายได้จากกลุ่มธุรกิจเพื่อเช่าจะทยอยเพิ่มขึ้นภายหลังจากที่มีการเปิดตัวโครงการใหม่ที่จะเป็นรูปแบบมิกซ์ยูส ประกอบด้วย โครงการคอนโดมิเนียมเพื่ออยู่อาศัย คอนโดมิเนียมเพื่อปล่อยเช่า และโรงแรม สำหรับโมเดลธุรกิจนี้บริษัทได้เริ่มเตรียมความพร้อมมาช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยมีการเจรจากับเชนโรงแรมที่จะเข้ามาบริหารโรงแรมในโครงการ ขณะเดียวกัน ก็จะเข้ามาบริหารคอนโดฯ ที่ปล่อยเช่าในโครงการด้วย
“สำหรับโครงการอาคารชุดในโครงการมิกซ์ยูสนั้น จะมีทั้งห้องชุดแบบมีบริการเพื่อปล่อยเช่าที่เป็นกรรมสิทธิ์ของลูกค้าและอาคารชุดให้เช่าที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะนำอาคารเก่ามาปรับปรุงและพัฒนาใหม่เพื่อขายหรือให้เช่าเพิ่มเข้ามาด้วย”
ปัจจุบัน บริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและขายรวม 13 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 40,000 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้มีโครงการที่พร้อมโอน ประกอบด้วย โครงการไซมิส เอ็กซ์คลูซีพ ควีนส์ โครงการไซมิส เอ็กซ์คลูซีพ สุขุมวิท 42 โครงการสุขุมวิท 48 และ สุขุมวิท 87 ง โดยที่มีแผนจะส่งมอบให้ลูกค้าในปีนี้
ส่วนด้านรายได้ของบริษัทในปีที่ผ่านมา มีรายได้รวม 3,430 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 47% และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 269 ล้านบาท เติบโต 17.8% จากปีก่อนหน้า ทั้งนี้ ในแต่ละปีบริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตเฉลี่ย 47% ซึ่งปี 2563 คาดว่าจะมีรายได้อยู่ที่ 5,000-6,000 ล้านบาท โดยปีนี้บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการมิกซ์ยูส บนพื้นที่ 5 ไร่ ในย่านรามอินทรา โดยโครงการดังกล่าวแบ่งออกเป็น 3 อาคาร ประกอบด้วย อาคารชุดเพื่อพักอาศัย อาคารชุดเพื่อปล่อยเช่า และโรงแรม
นายขจรศิษฐ์ กล่าวว่า สำหรับกรณีการแพร่ระบาดเชื้อ COVID-19 ในขณะนี้ มองว่าทุกวิกฤตจะมีโอกาส ดังนั้น ช่วงที่ผู้ประกอบการรายอื่นชะลอการลงทุน บริษัทยังเดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง เพราะถือเป็นช่วงที่ในตลาดมีคู่แข่งน้อย แต่การลงทุนนั้นสิ่งสำคัญจะต้องหาช่องทางการขาย รวมถึงการหาแนวทางในการลดต้นทุนและการปรับปรุงคุณภาพให้ดียิ่งขึ้น
โดยในปีนี้จะเน้นขยายไลน์การพัฒนาโครงการอสังหาฯ ที่หลากหลายมากขึ้น และมุ่งเป็น Living’s Value Creator หรือผู้พัฒนาอสังหาฯ ที่ตอบสนองความต้องการลูกค้าอย่างฉับไว สร้างคุณค่าในทุกประสบการณ์ของการอยู่อาศัยและการลงทุน โดยการเพิ่มธุรกิจด้านอาหาร ด้านบริการพื้นที่ให้เช่า เช่น Cloud Kitchen ธุรกิจด้านบริการการเช่า ได้แก่ Serviced Residence ซึ่งจะเพิ่มความมั่นคงแก่รายได้ และเพิ่มมูลค่า Asset ของลูกค้าด้วยการปรับปรุงบริการหลังการขายจากคอนโดมิเนียมปกติเป็น Breanded Residence
สำหรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจจะมี 3 ด้าน ประกอบด้วย 1.การพัฒนาห้องชุดแบบมีบริการเพื่อปล่อยเช่าที่เป็นกรรมสิทธิ์ขของลูกค้า โดยการออกแบบและพัฒนาห้องชุดที่เหมาะต่อการปล่อยเช่า เพื่อจำหน่ายแก่ลูกค้าซึ่งเป็นกลุ่มนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนจากค่าเช่า โดยมีแผนพัฒนาห้องชุดดังกล่าวในโครงการเกือบทุกโครงการ ซึ่งจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการแก่ผู้เช่าเหมือนพักอาศัยในโรงแรม 2.การพัฒนาอาคารให้เช่าที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท โดยบริษัทมีแผนถือครองกรรมสิทธิ์โครงการที่ตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ เช่น คอนโดมิเนียมที่สามารถเปลี่ยนวัตถุประสงค์การใช้งานเป็นโรงแรม หรือ Serviced Residence พื้นที่เช่าเพื่อการพาณิชย์เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำจากธุรกิจให้เช่า โดยมีแผนพัฒนาอาคารดังกล่าวในโครงการ The Collection, Siamese Exclusive 42, Siamese Exclusive Ratchada และ Siam Rama9 ซึ่งเป็นโครงการมิกซ์ยูส
3.พัฒนาและปรับปรุงอาคารเก่าเพื่อขายหรือปล่อยเช่า โดยบริษัทมีนโยบายเข้าลงทุนในอาคารที่ตั้งอยู่ในทำเลย่านศูนย์กลางธุรกิจ เช่น สีลม สุขุมวิท หรือหัวเมืองท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ เพื่อนำมาพัฒนาและปรับเปลี่ยนประเภทการใช้งานอาคารเพื่อสร้างมูลค่าแก่โครงการ เพื่อสร้างรายได้จากการขายหรือให้เช่า ซึ่งล่าสุดได้เข้าซื้อที่ดินและอาคารที่อยู่ระหว่างก่อสร้างในซอยสุขุมวิท 39 เพื่อนำมาพัฒนาเป็นโรงแรม หรือโครงการ Serviced Residence