xs
xsm
sm
md
lg

บล.ทิสโก้ชี้ถึงเวลานักลงทุนควร “กล้า” มากกว่า “กลัว” มองดัชนี 1,340 จุด น่าทยอยสะสมหุ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บล.ทิสโก้เผยหุ้นไทยเข้าสู่ “ภาวะหมี” แต่ดัชนีหุ้นไทย 1,340 จุด ค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 10 ปี น่าทยอยสะสมหุ้น แนะถึงเวลาที่นักลงทุนควร “กล้า” มากกว่า “กลัว” แล้ว แนะนำนักลงทุนกลับมาเริ่มทยอยสะสมหุ้นแบบแบ่งไม้ซื้อ เน้นการซื้อแบบสม่ำเสมอ-ไม่รีบร้อน โดยเฉพาะช่วงตลาดผันผวนตั้งแต่ดัชนีหุ้นไทยต่ำกว่า 1,350 จุดลงมา

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้ตลาดหุ้นไทยเข้าสู่ “ภาวะหมี” แล้ว หลังดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงหลุดระดับ 1,480 จุด หรือปรับตัวลงมากกว่า 20% จากที่เคยขึ้นสูงสุดที่ 1,850 จุดในช่วงต้นปี 2561 จากการศึกษาความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยในช่วงภาวะหมี (Bear Market) ตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมาจะใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 190 วันทำการ หรือประมาณ 9 เดือน จนกว่าราคาหุ้นในตลาดจะแตะจุดต่ำสุด และจะปรับตัวลงโดยเฉลี่ย 36% จากจุดสูงสุด ถ้าอิงเวลาสูงสุดของภาวะหมีที่เคยเกิดขึ้นในอดีตอาจเห็นจุดต่ำสุดของ SET Index ในช่วงปลายไตรมาส 2 เป็นอย่างช้าที่สุด หรือถ้าอิงตามค่าเฉลี่ยของการปรับตัวลงในภาวะหมีที่เคยเกิดขึ้น อาจได้เห็น SET Index แตะจุดต่ำสุดที่บริเวณ 1,180-1,200 จุด

บล.ทิสโก้คาดว่าการปรับตัวลงในภาวะหมีครั้งนี้ดัชนีหุ้นไทยอาจจะปรับลดลงจากจุดสูงสุดประมาณ 21-34% จะคิดเป็นระดับ SET Index ในกรอบ 1,220-1,460 จุด โดยมีค่าเฉลี่ยกลางอยู่ที่ 1,350 จุด ซึ่งใกล้เคียงกับ SET Index ปิดสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ 1,340 จุด

บล.ทิสโก้มองว่าหุ้นไทยระดับปัจจุบันที่ 1,340 จุดมีความน่าสนใจต่อการทยอยสะสมเพื่อการลงทุนอีกครั้งแล้ว เนื่องจาก 1. ราคาหุ้นค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยระยะยาว 10 ปี ซึ่งการคำนวณนี้นับรวมการปรับประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนไทยเพิ่มเติมอีก 3-4% หลังจากต้นปีปรับประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนไปแล้ว 5% 2.ส่วนต่างของผลตอบแทนตลาดหุ้นเทียบกับตลาดตราสารหนี้มีมากกว่า 4% ซึ่งมีโอกาสในการทำกำไรสูงถึงเกือบ 70% ในช่วง 6-12 เดือนข้างหน้า 3. ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงมาแล้ว 8 เดือนติดต่อกัน (ก.ค. 62-ก.พ. 63) เท่ากับการปรับตัวลงสูงสุดในอดีต ดังนั้น หากประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ตลาดหุ้นไทยเดือนมีนาคมควรจะเริ่มดีดกลับได้แล้ว

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยบวกอื่นมาหนุนตลาดหุ้นไทย ทั้ง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 ที่จะเริ่มใช้จ่ายได้ตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป และโอกาสที่ธนาคารกลางหลายแห่งพร้อมจะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่ม (Dovish) หากแนวโน้มเศรษฐกิจเสี่ยงชะลอตัวรุนแรง ทำให้มองว่าถึงเวลาที่นักลงทุนควร “กล้า” มากกว่า “กลัว” แล้ว แนะนำนักลงทุนกลับมาเริ่มทยอยสะสมหุ้นแบบแบ่งไม้ซื้อ เน้นการซื้อแบบสม่ำเสมอ-ไม่รีบร้อน โดยเฉพาะช่วงตลาดผันผวนตั้งแต่ดัชนีหุ้นไทยต่ำกว่า 1,350 จุดลงมา หุ้นเด่นที่แนะนำเดือนมีนาคม คือ AEONTS, BDMS, BTS, HMPRO, INTUCH, STEC, TOP และ TU ด้านแนวรับสำคัญของเดือนนี้อยู่ที่ 1,340 จุด แนวรับต่อมาคือ 1,320 จุด และแนวรับสุดท้าย คือ 1,300-1,290 จุด ส่วนแนวต้านสำคัญของเดือนนี้อยู่ที่ 1,360-1,370 จุด หากผ่านได้จะมีแนวต้านต่อไปที่ 1,400-1,415 จุด ตามลำดับ


กำลังโหลดความคิดเห็น