"อนันดาฯ" เผยปีนี้เป็นปีที่ท้าทายเตรียมพร้อมรับมือกับตลาดที่ผันผวน ภายใต้แนวคิด “Change The Plan Never The Goal ยึดมั่นในเป้าหมาย ยืดหยุ่นในวิธีการ” เดินหน้าเจตนารมณ์ช่วยแก้ปัญหาชีวิตคนเมือง พร้อมช่วยสร้างเมืองที่ดีแก่คนกรุงเทพฯ ย้ำศักยภาพความแข็งแกร่งทางการเงินและการสนับสนุนเหนียวแน่นจากพันธมิตรชั้นนำ มิตซุย ฟูโดซัง มุ่งขยายแหล่งรายได้ใหม่ เตรียมลงทุนโครงการมิกซ์ยูสกับกลุ่มบีทีเอส และโครงการ Hospitality กับกลุ่มดุสิตธานี เล็งรับยอดโอนกว่า 22,000 ล้านบาท มั่นใจความต้องการที่อยู่อาศัยทำเลใกล้รถไฟฟ้ายังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง
นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำแห่งวงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับคนเมือง ครองตำแหน่งผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า มุ่งมั่นพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองได้อย่างลงตัวที่สุด กล่าวว่า ภาพรวมของตลาดอสังหาฯ ปีนี้ ต้องเผชิญต่อความกังวลของผู้บริโภคที่วิตกกับสถานการณ์เศรษฐกิจ โดยกลุ่มที่มีเงินก็ชะลอการซื้อ หากทำให้เห็นว่าตลาดไม่ได้แย่อย่างที่คิดกำลังซื้อก็จะฟื้นกลับมาได้ นอกจากนี้ ผู้ประกอบการเองต้องหันมาดูดีมานด์ที่ยังมีอยู่ในตลาดและทำโครงการในทำเลที่ถนัด สิ่งสำคัญต้องบริหารงานก่อสร้างให้ดีและสต๊อกที่เหมาะสม บริหารความเสี่ยงและพัฒนารูปแบบใหม่ให้เหมาะสมต่อกำลังซื้อ ซึ่งที่ผ่านมา อสังหาฯ เผชิญวิกฤตมาหลายครั้งและทุกครั้งก็ผ่านมาได้ เชื่อว่าครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน
สำหรับอนันดาฯ ปีนี้ถือเป็นอีกปีที่ท้าทาย เพราะสถานการณ์เปลี่ยน ยิ่งทำให้ต้องมีการปรับตัวอยู่ตลอดเวลา ภายใต้แนวคิด “Change The Plan Never The Goal” ยึดมั่นในเป้าหมาย ยืดหยุ่นในวิธีการ เพื่อให้สอดคล้องต่อสภาพตลาดและความต้องการของลูกค้า ซึ่งอนันดาฯ ยังคงให้ความสำคัญและเชื่อมั่นในกลยุทธ์การพัฒนาคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นกลยุทธ์หลักที่บริษัท ริเริ่มเป็นเจ้าแรกและดำเนินการมาโดยตลอด ซึ่งการขยายเครือข่ายของรถไฟฟ้าเป็น 221 สถานี ในอีก 5 ปีข้างหน้า ส่งผลให้ผู้นำการพัฒนาคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าอย่างอนันดาฯ ได้รับผลดีจากการขยายตัวนี้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ ยังคงเจตนารมณ์ในการสร้างเมืองที่ดีพร้อมช่วยแก้ไขปัญหาให้แก่คนเมืองเพื่อชีวิตที่ดีและลงตัวดังปรัชญา Urban Living Solutions ที่บริษัทยึดมั่นมาโดยตลอด พร้อมตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่ม Gen C
ในปีนี้ บริษัทมีแผนนำโครงการที่เลื่อนเปิดในปีที่ผ่านมา กลับมาทำตลาดในปีนี้ ได้แก่ โครงการไอดีโอ พหล-สะพานควาย อยู่ติดกับรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีสะพานควาย เพียง 0 เมตร บนที่ดินกว่า 5 ไร่ มีจำนวนห้องพักอาศัยทั้งหมด 1,356 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 8,500 ล้านบาท ซึ่งมีการปรับรูปแบบโครงการให้สอดคล้องต่อความต้องการของลูกค้าและสภาวะตลาด นอกจากนี้ บริษัทยังมีการเตรียมความพร้อมสำหรับอีก 7 โครงการใหม่ที่สามารถนำเสนอให้แก่ลูกค้าได้ตลอดเวลาในกรณีที่สถานการณ์ตลาดมีทิศทางที่ดีขึ้น
อนันดาฯ ยังคงได้รับความเชื่อมั่นและไว้วางใจจากพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่างบริษัท มิตซุย ฟูโดซัง จำกัด เป็นอย่างดีตั้งแต่เริ่มร่วมทุนในปี 2013 จนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ โครงการเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ที่จับมือกับพันธมิตรระดับโลกอย่าง ดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด ซึ่งเป็นอันดับ 1 ในผู้ประกอบการธุรกิจเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ระดับลักชัวรีชั้นนำของโลกกำลังจะแล้วเสร็จและพร้อมดำเนินการ 2 โครงการในปีนี้ คือ SOMERSET RAMA 9 และ LYF SUKHUMVIT 8 ซึ่งจะมาช่วยเสริมให้มีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ (Recurring Income) อีกด้วย โดยอนันดาฯ ตั้งเป้าพัฒนาโครงการเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ปีละ 2 โครงการ
บริษัทมีแผนขยายแหล่งรายได้ใหม่และสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจหลัก ด้วยการลงทุนในโครงการมิกซ์ยูสครั้งแรกร่วมกับพันธมิตรอย่างกลุ่มบีทีเอส บนที่ดินกว่า 200 ไร่ บริเวณหน้าโครงการธนาซิตี้ ติดถนนบางนา-ตราด โดยตั้งเป้าให้เป็น Smart City และ Technology & Innovation Hub เพื่อพลิกโฉมวงการที่อยู่อาศัยให้สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนเมืองยุคใหม่ได้อย่างแท้จริง สำหรับกลุ่มดุสิตขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการศึกษาและพัฒนาร่วมกัน
บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) กว่า 31,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการโอนในระยะ 3 ปีข้างหน้า และในส่วนของกระแสเงินสดของบริษัทก็ยังคงมีความแข็งแกร่ง โดย ณ สิ้นสุดไตรมาสยังคงรักษาเงินสดที่มีมากกว่า 14,800 ล้านบาท
สำหรับกลยุทธ์หลัก ที่บริษัทให้ความสำคัญในการดำเนินงานในปีนี้ เพื่อผลักดันให้บริษัทขับเคลื่อนในสถานการณ์ปัจจุบัน ประกอบด้วย 3 กลยุทธ์หลัก ดังนี้
กลยุทธ์เรื่องที่ 1 เป็นเรื่องของแผนธุรกิจโครงการที่อยู่อาศัย ซึ่งแบ่งเป็น 2 ส่วนหลักๆ ส่วนแรก คือ โครงการพร้อมเข้าอยู่ซึ่งมีกว่า 38 โครงการ ทั้งคอนโดฯ ติดรถไฟฟ้า บ้านเดี่ยวบนทำเลศักยภาพ และทาวน์เฮาส์ในราคาสุดคุ้ม ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีมากสำหรับลูกค้าที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยใหม่ เนื่องจากทางบริษัทได้มอบข้อเสนอสุดพิเศษและราคาพิเศษในแต่ละโครงการ รวมถึงการที่ลูกค้าสามารถเข้าไปชมห้องจริง วิวจริง สถานที่จริงก่อนทำการตัดสินใจได้ และในปีนี้บริษัทจะมีโครงการพร้อมเข้าอยู่ใหม่อีก 7 โครงการ ที่พร้อมจะเป็นที่อยู่อาศัยใหม่ของคนเมืองที่จะช่วยให้การใช้ชีวิตเมืองได้ดียิ่งขึ้น และแผนธุรกิจโครงการ
ส่วนที่สอง คือ กลยุทธ์การเปิดโครงการใหม่ เนื่องด้วยสถานการณ์ตลาดและสภาพเศรษฐกิจและการแข่งขัน ทางบริษัทได้มีการปรับแผนการเปิดโครงการใหม่ โดยเลือกเปิดโครงการที่มั่นใจว่าจะสามารถตอบความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงใจ ในทุกมิติ ทั้งเรื่องทำเล สินค้า และราคา โดยปีนี้ทางบริษัทได้วางแผนการเปิดโครงการใหม่ไว้ที่ 1 โครงการ คือ ไอดีโอ พหลฯ-สะพานควาย (ซึ่งเป็นโครงการที่มีการปรับเปลี่ยนจากโครงการไอดีโอ คิว พหลฯ-สะพานควาย เดิม) โดยบริษัทมั่นใจว่า โครงการนี้จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้อย่างดี บนทำเล 0 เมตร จากสถานีรถไฟฟ้าสะพานควาย และราคาเริ่มต้นเพียง 139,000 บาท/ตร.ม. ซึ่งจะเปิดให้จองช่วงกลางปี แต่ทั้งนี้ บริษัทยังคงมีโครงการอื่นๆ ที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาอีก 7 โครงการ หากสถานการณ์มีการปรับเปลี่ยน มีปัจจัยเชิงบวก หรือแนวโน้มที่ดีขึ้น ทางบริษัทก็พร้อมที่จะเปิดโครงการเพิ่ม แต่ทั้งนี้เราจะเลือกเปิดโครงการที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้า และความต้องการของตลาดได้เป็นสำคัญ
กลยุทธ์เรื่องที่ 2 ในเรื่องของการวางกลยุทธ์และแนวทางการสื่อสารแบรนด์ขององค์กร โดยยังคงเน้นจุดยืนที่เป็น Urban Living Solutions ผ่านแนวคิด URBAN HACK ซึ่งเป็นแนวคิดที่จะช่วยให้การใช้ชีวิตเมืองของคนเมืองให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการนำเสนอวิธีคิด และการจัดกิจกรรมขององค์กร ทั้งเพื่อกลุ่มลูกค้าของอนันดา และกลุ่ม GEN-C ที่ใช้ชีวิตในเมือง รวมถึงการมองหา Solutions ที่จะสามารถช่วยพัฒนาเมืองให้ดียิ่งขึ้น
กลยุทธ์เรื่องที่ 3 ที่บริษัทให้ความสำคัญ คือการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าในทุกขั้นตอนระหว่างลูกค้าและบริษัท โดยมีทีมงานที่ดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด มีแนวทางนโยบาย พร้อมการวัดผลความพึงพอใจของลูกค้าในทุกมิติ ซึ่งแนวทางกลยุทธ์ทั้ง 3 เรื่องดังกล่าว บริษัทเชื่อมั่นว่าจะเป็นสิ่งที่ช่วยขับเคลื่อนบริษัทให้ไปถึงเป้าหมายที่วางไว้ได้
“แม้ว่าสภาวะตลาดจะมีความผันผวน แต่ก็ยังคงมีดีมานด์หรือความต้องการที่อยู่อาศัยเพียงแค่รอจังหวะเวลาที่เหมาะสม โดยขณะนี้ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีของลูกค้าที่จะเลือกซื้อที่อยู่อาศัยในราคาที่สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ ซึ่งอนันดาฯ จะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาที่อยู่อาศัยให้ตอบโจทย์ชีวิตคนเมือง เพื่อให้ทุกคนมีที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพเป็นของตัวเอง” นายชานนท์ กล่าว