อนันดาฯ เผยแผนธุรกิจปี 63 เปิดตัว 1 โครงการใหม่ “ไอดีโอ พหล-สะพานควาย” มูลค่า 8,500 ล้านบาท หลังปรับแบบหั่นราคาขายเหลือ 1.39 แสนบาทต่อ ตร.ม. จากราคาเดิม 2.5 แสนบาทต่อ ตร.ม. พร้อมเร่งระบายพอร์ตสินค้า 124,000 ล้านบาท วางเป้าปีนี้โอน 22,000 ล้านบาท โต 20% และมียอดขาย 20,000 ล้านบาท แจงลดลงตามสถานการณ์ตลาด มั่นใจลูกค้าจีนรับโอนต่อเนื่องแต่ต้องให้เวลา เชื่อไวรัสโคโรนาผ่านพ้นลูกค้าจีนกลับมาแน่
นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจัยลบที่เข้ามากระทบตลาดอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลให้ปี 2563 เป็นอีกปีที่ท้าทาย เนื่องจากสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทต้องมีการปรับตัวอยู่ตลอดเวลาภายใต้แนวคิด "Change The Plan Never Goal" ยืดหยุ่นในวิธีการดำเนินธุรกิจ แต่ยังยึดมั่นในเป้าหมาย เพื่อให้สอดรับต่อสถานการณ์ตลาดและความต้องการของลูกค้า โดยในปีนี้ อนันดาฯ ยังคงให้ความสำคัญและเชื่อมั่นในกรณีการพัฒนาคอนโดมิเนียมแนวรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นกลยุทธ์หลักที่บริษัทดำเนินมาโดยตลอด ทั้งนี้ การขยายโครงข่ายรถไฟฟ้า เพิ่มเป็น 221 สถานีในอีก 5 ปีข้างหน้าจะส่งผลให้ผู้พัฒนาคอนโดฯ ติดแนวรถไฟฟ้าได้รับผลดีจากการขยายตัวดังกล่าว
สำหรับปี 2563 นี้ อนันดาฯ มีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ 1 โครงการ คือโครงการไอดีโอพหล-สะพานควาย คอนโดฯ ติดรถไฟฟ้า BTS สถานีสะพานควาย บนเนื้อที่ 5 ไร่ จำนวนห้องพัก 1,356 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 8,500 ล้านบาท โดยโครงการนี้มีการปรับรูปแบบให้สอดคล้องต่อความต้องการของลูกค้าและสภาวะตลาด ในขณะเดียวกัน ก็ได้ปรับระดับราคาขายลงมา จากเดิมที่มีราคาขาย 250,000 บาทต่อตารางเมตร (ตร.ม.) ลงมาอยู่ที่ 139,000 บาทต่อ ตร.ม. เพื่อให้เหมาะสมต่อความต้องการของตลาดและกำลังซื้อลูกค้า สำหรับโครงการดังกล่าวจะเป็นโครงการร่วมทุนกับ "มิตซุย ฟูโดซัง" พันธมิตรจากญี่ปุ่น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและวางใจจากพันธมิตรเป็นอย่างดี โดยโครงการดังกล่าวจะเปิดขายในช่วงกลางปีนี้ นอกจากนี้ บริษัทยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา 7 โครงการ ซึ่งหากสถานการณ์มีการปรับเปลี่ยนมีปัจจัยในเชิงบวกและแนวโน้มที่ดีขึ้นบริษัทก็พร้อมจะเปิดโครงการเพิ่ม โดยจะเลือกเปิดโครงการที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าและความต้องการของตลาดได้เป็นหลัก
ดร.ชัยยุทธ ชุณหะชา ประธานเจ้าหน้าที่สายการเงิน กล่าวว่า อนันดาฯ มีพอร์ตที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและขายในมือ 124,000 ล้านบาท ซึ่งสามารถรองรับความต้องการลูกค้าในตลาดได้อีกหลายปี ขณะเดียวกัน ก็มียอดขายรอรับรู้รายได้ในมือ 31,100 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ไปจนถึงปี 65 โดยจะเป็นการรับรู้รายได้ในปี 2563 นี้ 12,379 ล้านบาท คิดเป็น 65% และจะทยอยรับรู้ในปี 2564 ประมาณ 11,098 ล้านบาท และจะรับรู้ในปี 2565 ประมาณ 7,652 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดรับรู้รายได้อยู่ที่ 22,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ประมาณ 20%
ทั้งนี้ แม้ว่าการแข็งค่าของเงินบาทและสงครามการค้าระหว่างจีน และสหรัฐอเมริกา จะส่งผลกระทบต่อการรับโอนห้องชุดของกลุ่มลูกค้าต่างชาติ แต่จากสถิติการรับโอนห้องชุดของกลุ่มลูกค้าต่างชาติ ซึ่งมีสัดส่วนถึง 22% จากยอดโอน 20,000 ล้านบาทในปี 2562 สะท้อนให้เห็นว่าลูกค้าต่างชาติยังมีการทยอยรับโอนห้องชุดที่ดีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในปีนี้ อนันดาฯ ยังมั่นใจว่าลูกค้าต่างชาติยังมีการรับโอนห้องชุดอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ในด้านยอดขายในปีนี้ อนันดาฯ ตั้งเป้าว่าจะมียอดขายทั้งปี 20,000 ล้านบาท ลดลงจากปีที่ผ่านมาซึ่งมียอดขายรวม 26,654 ล้านบาท แต่เป็นการการปรับลดลงให้สอดคล้องต่อสถานการณ์ตลาด ณ ปัจจุบัน
"แม้ว่าปีนี้จะมีปัญหาจากไวรัสโคโรนาเข้ามากระทบ ซึ่งอาจส่งผลต่อการเดินทางเข้ามารับโอนห้องชุดของลูกค้าจีน อย่างไรก็ตาม ผลกระทบดังกล่าวจะเกิดขึ้นไม่นาน ซึ่งหากปัญหาดังกล่าวคลี่คลายลง เชื่อว่ากลุ่มลูกค้าจีนจะกลับเข้ามาอย่างแน่นอน ดังนั้น ในช่วงนี้จึงยังไม่สามารถจะเร่งให้ลูกค้าจีนรับโอนห้องชุดได้ แต่ก็สามารถเจรจายืดระยะเวลาการรับโอนออกไปได้"
นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจัยลบที่เข้ามากระทบตลาดอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลให้ปี 2563 เป็นอีกปีที่ท้าทาย เนื่องจากสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทต้องมีการปรับตัวอยู่ตลอดเวลาภายใต้แนวคิด "Change The Plan Never Goal" ยืดหยุ่นในวิธีการดำเนินธุรกิจ แต่ยังยึดมั่นในเป้าหมาย เพื่อให้สอดรับต่อสถานการณ์ตลาดและความต้องการของลูกค้า โดยในปีนี้ อนันดาฯ ยังคงให้ความสำคัญและเชื่อมั่นในกรณีการพัฒนาคอนโดมิเนียมแนวรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นกลยุทธ์หลักที่บริษัทดำเนินมาโดยตลอด ทั้งนี้ การขยายโครงข่ายรถไฟฟ้า เพิ่มเป็น 221 สถานีในอีก 5 ปีข้างหน้าจะส่งผลให้ผู้พัฒนาคอนโดฯ ติดแนวรถไฟฟ้าได้รับผลดีจากการขยายตัวดังกล่าว
สำหรับปี 2563 นี้ อนันดาฯ มีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ 1 โครงการ คือโครงการไอดีโอพหล-สะพานควาย คอนโดฯ ติดรถไฟฟ้า BTS สถานีสะพานควาย บนเนื้อที่ 5 ไร่ จำนวนห้องพัก 1,356 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 8,500 ล้านบาท โดยโครงการนี้มีการปรับรูปแบบให้สอดคล้องต่อความต้องการของลูกค้าและสภาวะตลาด ในขณะเดียวกัน ก็ได้ปรับระดับราคาขายลงมา จากเดิมที่มีราคาขาย 250,000 บาทต่อตารางเมตร (ตร.ม.) ลงมาอยู่ที่ 139,000 บาทต่อ ตร.ม. เพื่อให้เหมาะสมต่อความต้องการของตลาดและกำลังซื้อลูกค้า สำหรับโครงการดังกล่าวจะเป็นโครงการร่วมทุนกับ "มิตซุย ฟูโดซัง" พันธมิตรจากญี่ปุ่น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและวางใจจากพันธมิตรเป็นอย่างดี โดยโครงการดังกล่าวจะเปิดขายในช่วงกลางปีนี้ นอกจากนี้ บริษัทยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา 7 โครงการ ซึ่งหากสถานการณ์มีการปรับเปลี่ยนมีปัจจัยในเชิงบวกและแนวโน้มที่ดีขึ้นบริษัทก็พร้อมจะเปิดโครงการเพิ่ม โดยจะเลือกเปิดโครงการที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าและความต้องการของตลาดได้เป็นหลัก
ดร.ชัยยุทธ ชุณหะชา ประธานเจ้าหน้าที่สายการเงิน กล่าวว่า อนันดาฯ มีพอร์ตที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและขายในมือ 124,000 ล้านบาท ซึ่งสามารถรองรับความต้องการลูกค้าในตลาดได้อีกหลายปี ขณะเดียวกัน ก็มียอดขายรอรับรู้รายได้ในมือ 31,100 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ไปจนถึงปี 65 โดยจะเป็นการรับรู้รายได้ในปี 2563 นี้ 12,379 ล้านบาท คิดเป็น 65% และจะทยอยรับรู้ในปี 2564 ประมาณ 11,098 ล้านบาท และจะรับรู้ในปี 2565 ประมาณ 7,652 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดรับรู้รายได้อยู่ที่ 22,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ประมาณ 20%
ทั้งนี้ แม้ว่าการแข็งค่าของเงินบาทและสงครามการค้าระหว่างจีน และสหรัฐอเมริกา จะส่งผลกระทบต่อการรับโอนห้องชุดของกลุ่มลูกค้าต่างชาติ แต่จากสถิติการรับโอนห้องชุดของกลุ่มลูกค้าต่างชาติ ซึ่งมีสัดส่วนถึง 22% จากยอดโอน 20,000 ล้านบาทในปี 2562 สะท้อนให้เห็นว่าลูกค้าต่างชาติยังมีการทยอยรับโอนห้องชุดที่ดีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในปีนี้ อนันดาฯ ยังมั่นใจว่าลูกค้าต่างชาติยังมีการรับโอนห้องชุดอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ในด้านยอดขายในปีนี้ อนันดาฯ ตั้งเป้าว่าจะมียอดขายทั้งปี 20,000 ล้านบาท ลดลงจากปีที่ผ่านมาซึ่งมียอดขายรวม 26,654 ล้านบาท แต่เป็นการการปรับลดลงให้สอดคล้องต่อสถานการณ์ตลาด ณ ปัจจุบัน
"แม้ว่าปีนี้จะมีปัญหาจากไวรัสโคโรนาเข้ามากระทบ ซึ่งอาจส่งผลต่อการเดินทางเข้ามารับโอนห้องชุดของลูกค้าจีน อย่างไรก็ตาม ผลกระทบดังกล่าวจะเกิดขึ้นไม่นาน ซึ่งหากปัญหาดังกล่าวคลี่คลายลง เชื่อว่ากลุ่มลูกค้าจีนจะกลับเข้ามาอย่างแน่นอน ดังนั้น ในช่วงนี้จึงยังไม่สามารถจะเร่งให้ลูกค้าจีนรับโอนห้องชุดได้ แต่ก็สามารถเจรจายืดระยะเวลาการรับโอนออกไปได้"