โกลเด้นแลนด์เล็งขยายลงทุนคอนโดฯ ตั้งงบ 2,000 ล้าน เทกโครงการมีปัญหาสภาพคล่องกลางกรุงบริหารต่อ ชี้รับรู้เร็ว กำไรดี เผยแผนลงทุนปี 63 เปิดบ้านแนวราบ 19 โครงการ มูลค่า 25,000 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 33,000 ล้านบาท
นายแสนผิน สุขี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โกลเด้นแลนด์เรสซิเดนซ์ จำกัด บริษัทในเครือบริษัทแผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (GOLD) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการเข้าซื้อโครงการคอนโดมิเนียมจากผู้ประกอบการรายอื่นทั้งในและนอกตลาดหลักทรัพย์เข้ามาบริหารและขายต่อ ซึ่งคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการศึกษาเป็นคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จแล้วยังมียูนิตเหลือขาย หรือโครงการคอนโดมิเนียมที่ขายไปบางส่วน และอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และต้องผ่าน EIA แล้ว เพื่อลดความเสี่ยงจากการขออนุญาต ซึ่งจะต้องมีจำนวนยูนิตเหลือขายอยู่ไม่ต่ำกว่า 50% ของจำนวนยูนิตทั้งหมด และเป็นคอนโดมิเนียมที่อยู่ในทำเลที่ดี ตอบโจทย์คนเมือง ระดับราคาขาย 150,000-200,000 บาทต่อ ตร.ม. นอกจากนี้ จะต้องมีกำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 30% โดยบริษัทวางงบลงทุนเบื้องต้นไว้ที่ 2,000 ล้านบาท คาดว่าจะเจรจาเห็นความชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 ซึ่งการเข้าสู่ตลาดคอนโดมิเนียมด้วยการซื้อโครงการถือเป็นทางลัดโดยไม่ต้องเริ่มต้นซื้อที่ดิน ขอ EIA และสามารถรับรู้รายได้ได้ทันที อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแผนที่จะซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมเองในอนาคตด้วย
“ตลาดคอนโดมิเนียมชะลอตัวลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีผู้ประกอบการที่พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมไปในช่วงที่ผ่านมาประสบปัญหากับการขายและประสบปัญหาด้านสภาพคล่อง ดังนั้น ในปีนี้เรามีแผนที่ขยายการลงทุนในตลาดคอนโดฯ ในรูปแบบของการเข้าไปซื้อโครงการคอนโดฯ ที่มีผู้อยู่อาศัยจริง (Real demand) ในทำเลที่ติดห้าง ซึ่งเป็นเทรนด์ของผู้บริโภคที่นิยมซื้อที่อยู่อาศัยติดกับห้างสรรพสินค้า หรือศูนย์การค้า เพราะตอบโจทย์การใช้ชีวิตในเมืองสะดวกสบายในการจับจ่ายใช้สอย เดินทางสะดวก แม้จะมีความเสี่ยงแต่ก็มีผลตอบแทนที่ดี และถือเป็นจังหวะที่ดีในการลงทุนซื้อโครงการ เพราะได้ราคาถูก อย่างไรก็ตามเชื่อว่าตลาดคอนโดมิเนียมจะถึงจุดต่ำสุดในช่วงปี 63-64" นายแสนผิน กล่าว
ปัจจุบันที่ดินที่สามารถนำมาพัฒนาโครงการคอนโดฯ ในเมืองยังมีราคาค่อนข้างสูง ทำให้บริษัทมองทางเลือกในการซื้อคอนโดมิเนียมจากผู้ประกอบการรายอื่นเป็นทางเลือกแรก แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทจะพิจารณาทั้ง 2 ทางเลือกไปพร้อมๆกัน เพื่อเป็นการทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยของบริษัทมีสินค้าครบวงจร คาดว่าสัดส่วนรายได้จากคอนโดจะขยับขึ้น 10-20% ภายในปี 2565-2566
สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 63 นี้มองปัจจัยต่างๆ อาจยังไม่เอื้อ จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ยังทรงตัว และผลกระทบจากมาตรการ LTV ที่ยังส่งผลต่อลูกค้าที่ซื้อบ้านหลังที่ 2 และ 3 มาตรการเข้มงวดเรื่อง DSR (Debt Service Ratio) หรืออัตราส่วนหนี้สินต่อรายได้ เป็นอัตราส่วนที่แสดงถึงสัดส่วนรายจ่ายในการชำระหนี้ต่อรายได้ของครัวเรือน ซึ่งทำให้ลูกค้ากู้ได้ยากขึ้น ขณะที่หนี้สินครัวเรือนยังสูงอยู่ และค่าเงินบาทแข็ง ทำให้ลูกค้าต่างชาติชะลอการตัดสินใจซื้อ เป็นต้น แต่ก็ยังมีปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมโอกาสทางธุรกิจ เช่น อัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ราคาวัสดุก่อสร้างที่มีแนวโน้มคงตัวและลดลง และแรงงานทางธุรกิจก็มีมาก
บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายในปี 2563 ไว้ที่ 33,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ที่มียอดขายรวม 32,567 ล้านบาท ยอดรับรู้รายได้ที่ 19,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 11% จากปี 2562 ที่ 17,000 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้จากโครงการแนวราบในปี 2563 แบ่งเป็นจากสินค้าประเภททาวน์โฮม 8,800 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 52% ของรายได้รวม จากสินค้าประเภทบ้านเดี่ยว 3,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 18% ของรายได้รวม จากบ้านแฝด 3,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 17% ของรายได้รวม และเป็นรายได้จากต่างจังหวัด 2,200 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 13% ของรายได้รวม ส่วนอีก 2,000 ล้านบาท เป็นรายได้จากอื่นๆ เช่น ค่าเช่า เป็นต้น
ส่วนแผนลงทุนในปี 63 บริษัทมีแผนเปิดขายโครงการแนวราบบ้านเดี่ยว บ้านแฝดและทาวน์โฮม 19 โครงการ มูลค่ารวม 25,000 ล้านบาท ลดลงจากปี 2562 ที่มีการเปิดตัวโครงการ 22 โครงการ มูลค่ารวม 30,000 ล้านบาท โดยตั้งงบลงทุนซื้อที่ดินไว้ที่ 8,000 ล้านบาท เพื่อใช้ซื้อที่ดิน จำนวน 17 แปลง เป็นที่ดินสำหรับพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม จำนวน 1 โครงการ ที่ดินสำหรับพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว จำนวน 2 โครงการ ที่ดินสำหรับพัฒนาโครงการทาวน์โฮม จำนวน 7 โครงการ ที่ดินสำหรับพัฒนาโครงการบ้านแฝด จำนวน 5 โครงการ และที่ดินสำหรับพัฒนาโครงการ จำนวน 2 โครงการ
ทั้งนี้ การพัฒนาโครงการแนวราบของบริษัทจะใช้กลยุทธ์ Classic Model คือจับกลุ่มเป้าหมายที่เป็น 'เรียลดีมานด์' ที่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยจริง โดยวางระดับราคาสินค้าแต่ละประเภทให้เหมาะต่อกำลังซื้อ เช่น โครงการทาวน์โฮม ราคาขาย 2-5 ล้านบาท โครงการบ้านแฝดราคา 5-8 ล้านบาท และโครงการบ้านเดี่ยว ราคา 8-15 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังต้องบริหารงานก่อสร้างให้สอดคล้องต่อสถานะขายและโอน ควบคุมค่าใช้จ่ายการขายและการบริหารให้ลดลง 3% เลือกใช้วัสดุที่ควบคุมต้นทุนได้ หรือสินค้าที่มีแนวโน้มราคาที่ลดลง เช่น สุขภัณฑ์ หรือค่าถมดิน เป็นต้น
ส่วนกลยุทธ์สินค้าที่ผ่านมา บ้านโกลเด้นแลนด์ นับได้ว่าเป็นต้นแบบนวัตกรรมที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ในปีนี้บริษัทยังคงเน้นจุดแข็งในเรื่องฟังก์ชัน และยังเพิ่มเรื่องของการออกแบบทั้งตัวบ้านและส่วนกลาง เพื่อเพิ่มบรรยากาศเพื่อการอยู่อาศัยที่ดีให้มากขึ้นอีกด้วย
ทาวน์โฮม โกลเด้น ทาวน์ ซึ่งถือเป็นสินค้าขายดี เน้นกระจายสินค้าในทุกทำเล โซนเหนือ ตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียว โซนตะวันออกและใต้ จับทำเลที่ Supply เหลือน้อย แต่ยังมีความต้องการสูง พร้อมตอกย้ำจุดยืนด้านนวัตกรรมทาวน์โฮม ความพิเศษที่ไม่เหมือนใคร คือ ฟังก์ชันพิเศษ เช่น ห้องพระ โรงหนังส่วนตัว และนวัตกรรมครัวไทย Golden Kitchen สเปกและดีไซน์ ยกระดับมาตรฐานวัสดุเทียบเท่าบ้านเดี่ยว แบบบ้านที่สวยหรูในสไตล์อิตาลีและอังกฤษ สิ่งอำนวยความสะดวกที่มากกว่า คลับเฮาส์หรู พร้อมฟิตเนส สระว่ายน้ำ
นีโอ โฮม บ้านแฝด ยังคงมาแรงอย่างต่อเนื่อง ด้วยแนวคิด สวย ครบ คุ้ม และใกล้เมือง จับกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงกลางบนที่ต้องการทำเลใกล้เมือง เดินทางสะดวก ได้ฟังก์ชันครบคุ้มค่าเหมือนบ้านเดี่ยว ตลาดนีโอ โฮมมีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี ในปีที่ผ่านมา มียอดรับรู้รายได้จาก นีโอ โฮม 3,114 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ปี 2561 ถึง 92% จากจุดเด่นสินค้าที่เหนือกว่า สวยกว่า ด้วยแบบบ้านในสไตล์อิตาลีและอังกฤษ พร้อมแบบบ้านใหม่อีกหลายแบบในปีนี้ ครบกว่ากับฟังก์ชันเพื่อการอยู่อาศัยเทียบเท่าบ้านเดี่ยว พร้อมฟังก์ชันพิเศษ เช่น ห้องพระ ห้องซัก ตาก รีดที่ตากผ้าได้ ไม่ต้องกลัวฝนหรือฝุ่น ห้องพักผ่อนชั้นบน ห้องนอนผู้สูงอายุ เป็นต้น คุ้มกว่าด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลางที่หรูหราครบครัน คลับเฮาส์ สวนพักผ่อน ซุ้มประตูทางเข้า ระบบรักษาความปลอดภัยเทียบเท่าโครงการบ้านระดับ 10-20 ล้านบาท ใกล้เมืองกว่ากับทำเลที่คัดแล้วว่าใกล้เมืองเดินทางสะดวก ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก
BIG HOME บ้านเดี่ยว ออกแบบให้เป็นบ้านที่ใครๆ ก็ปรารถนา ด้วยแนวคิด Big Home บรรยากาศหรู อยู่ใกล้เมือง บ้านใหญ่ ดีไซน์โอ่อ่าภูมิฐานสไตล์ยุโรป ที่มีฟังก์ชันครบ ประโชยน์ใช้สอยเต็มพื้นที่ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลางที่ยิ่งใหญ่หรูหราระดับ Luxury ในทำเลที่เดินทางสะดวก ใกล้เมือง ใกล้แหล่งชอปปิ้ง ใกล้ทางด่วน ในระดับราคา 8-15 ล้านบาท สร้างปรากฏการณ์ใหม่กับบรรยากาศลูกค้าเข้าแถวจับจอง เหมือนวันเปิดจองโครงการที่กรุงเทพฯ และสามารถขายหมดทั้งโครงการในวันเปิดจอง เช่น ที่พัทยาใต้ กลยุทธ์ต่อไปยังคงปักธงขยายตลาดหัวเมืองต่างจังหวัด เน้นจุดเด่นทำเลเมือง ฟังก์ชันครบ แบบบ้านสวย และแนวคิดโครงการที่ชัดเจนไม่เหมือนใคร เช่น ทะเลสาบแห่งแรกในเชียงราย บ้านสไตล์อังกฤษพร้อมสวนน้ำพุสไตล์อังกฤษที่อยุธยา เป็นต้น ในปีนี้มีแผนเปิดโครงการเพิ่มอีก 2 แห่ง ที่เชียงใหม่-กาดรวมโชค เป็นทาวน์โฮมในทำเลคอนโด และอ่างศิลา เพื่อรองรับการขยายตัวของจังหวัดชลบุรี วางแผนขยายตลาดให้ครอบคลุมหัวเมืองให้มากขึ้น เช่น ขอนแก่น อุดรธานี ภูเก็ต และหาดใหญ่