เสนาฯ เผยแผนปี 63 เปิด 10 โครงการ มูลค่า 7,500 ล้านบาท เร่งปรับพอร์ตที่อยู่อาศัย ลุยเจาะตลาดเรียลดีมานด์ บ้าน-คอนโดฯ ต่ำกว่าล้านบาท ถึง 5 ล้านบาท หวังอานิสงส์มาตรการลดค่าจดจำนอง-ค่าธรรมเนียมการโอน 0.01% พร้อมตั้ง "เคที นวกิจ" รับเหมาฯ งานสร้างคอนโดโลวไรส์ พร้อมจับมือ "ฮันคิว" พันธมิตรญี่ปุ่นตั้งกองทุนเทกโอเวอร์โครงการสร้างค้างพัฒนาขายต่อ ตั้งเป้าปี 63 ยอดขาย 11,500 ล้านบาท รับรู้รายได้ 10,600 ล้านบาท
ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 63 นี้ยังคงเผชิญปัจจัยลบรอบด้าน โดยเฉพาะภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว และกำลังซื้อของผู้บริโภค และ เพื่อปรับตัวให้เข้ากับทิศทางตลาด เสนาฯ ได้มีการปรับพอร์ต พัฒนาโครงการใหม่ โดยหันมาเน้นพัฒนาที่อยู่อาศัย เจาะกลุ่มผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง หรือกลุ่ม Real demand โดยกลุ่มสินค้าคอนโดมิเนียมจะเน้นจับตลาดระดับกลาง-ล่าง ราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท ถึง 3 ล้านบาท โดยกลุ่มราคา 2-3 ล้านบาท จะพัฒนาภายใต้แบรนด์ นิชโมโน และเสนาอาศุ กลุ่มตลาดล่างราคา 1-2 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ SLASH และกลุ่มราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ Sena kith ส่วนโครงการแนวราบจะเน้นจับตลาดระดับราคา 1.5-5 ล้านบาท โดยกลุ่มบ้านระดับราคา 3-5 ล้านบาท จะยังคงใช้แบรนด์เดิม ขณะที่จะมีการเพิ่มแบรนด์ใหม่ในกลุ่มทาวน์เฮาส์ ระดับราคา 1.5-3 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ วีว่า และเวลา ซึ่งจากการเก็บข้อมูลการตลาดของเสนาพบว่า คอนโดฯ และโครงการแนวราบ ระดับราคาดังกล่าวเป็นระดับราคาที่ ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องและมีกำลังซื้อที่ดี ขณะเดียวกัน ยังได้รับปัจจัยบวกจากการออกมาตรการลดค่าจดจำนอง และค่าธรรมเนียมการโอนเหลือ 0.01% ของรัฐบาลด้วย
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าตลาด Real demand นั้นอยู่ในกลุ่ม Red ocean ซึ่งมีการแข่งขันสูง จึงหนีไม่พ้นการแข่งขันด้านราคา ดังนั้น เพื่อควบคุมต้นทุนให้มีคุณภาพ เสนาฯ ได้มีการจัดตั้งบริษัท ทีเค นวกิจ จำกัด บริษัทรับเหมาก่อสร้างพัฒนาคอนโด low Life และกลุ่มบ้านแนวราบ เพื่อให้สามารถควบคุมต้นทุนและระยะเวลาก่อสร้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ เข้ามารับงานก่อสร้างโครงการของเสนาฯ อีกครั้งหนึ่ง นอกจากการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพแล้ว ในตลาดที่มีการแข่งขันที่รุนแรง จำเป็นต้องมีการสร้างความแตกต่างเพื่อให้ มีข้อได้เปรียบ และสามารถแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดได้มากขึ้น ดังนั้น นวัตกรรมและเทคโนโลยีโซลาร์ เซลล์ จะเป็นกุญแจสำคัญที่สร้างความต่างไปจากคู่แข่ง
นอกจากนี้ เสนาฯ และฮันคิว พันธมิตรจากญี่ปุ่นยังมองถึงโอกาสในช่วงวิกฤต จึงตกลงร่วมมือจัดตั้งกองทุน พร้อมทั้งมีแผนการออกหุ้นกู้ เพื่อนำเงินมาใช้ในการเข้าซื้อโครงการที่ก่อสร้างค้าง หรืออยู่ระหว่างการก่อสร้าง แต่ไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ รวมถึงโครงการที่ผู้ประกอบการต้องการขายยกโครงการ เพราะไม่ต้องการดำเนินธุรกิจต่อเพื่อนำมาพัฒนา และทำตลาดภายใต้แบรนด์เสนาฯ
ดร.เกษรา กล่าวว่า สำหรับแผนในการพัฒนาโครงการใหม่ในปี 63 นี้ บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ 10 โครงการ รวมมูลค่า 7,500 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวสูง 6 โครงการ และโครงการแนวราบ 4 โครงการ โดยในจำนวนนี้ จะเป็นโครงการร่วมทุนแนวราบ 2 โครงการ ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่เสนา ฮันคิว ฮันชิน พันธมิตรจากญี่ปุ่นได้รุกเข้าสู่ตลาดทาวน์โฮม รวมถึงคอนโดฯ ราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท โดยการนำแนวคิด Geo Fit มาปรับใช้กับโครงการร่วมทุน โดยในส่วนของคอนโดฯ ร่วมทุนจะมีการเปิดตัวรวม 3 โครงการ ทั้งนี้ในปี 63 บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายรวม 11,500 ล้านบาท และมีเป้ารับรู้รายได้ที่ 10,600 ล้านบาท
ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 63 นี้ยังคงเผชิญปัจจัยลบรอบด้าน โดยเฉพาะภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว และกำลังซื้อของผู้บริโภค และ เพื่อปรับตัวให้เข้ากับทิศทางตลาด เสนาฯ ได้มีการปรับพอร์ต พัฒนาโครงการใหม่ โดยหันมาเน้นพัฒนาที่อยู่อาศัย เจาะกลุ่มผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง หรือกลุ่ม Real demand โดยกลุ่มสินค้าคอนโดมิเนียมจะเน้นจับตลาดระดับกลาง-ล่าง ราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท ถึง 3 ล้านบาท โดยกลุ่มราคา 2-3 ล้านบาท จะพัฒนาภายใต้แบรนด์ นิชโมโน และเสนาอาศุ กลุ่มตลาดล่างราคา 1-2 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ SLASH และกลุ่มราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ Sena kith ส่วนโครงการแนวราบจะเน้นจับตลาดระดับราคา 1.5-5 ล้านบาท โดยกลุ่มบ้านระดับราคา 3-5 ล้านบาท จะยังคงใช้แบรนด์เดิม ขณะที่จะมีการเพิ่มแบรนด์ใหม่ในกลุ่มทาวน์เฮาส์ ระดับราคา 1.5-3 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ วีว่า และเวลา ซึ่งจากการเก็บข้อมูลการตลาดของเสนาพบว่า คอนโดฯ และโครงการแนวราบ ระดับราคาดังกล่าวเป็นระดับราคาที่ ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องและมีกำลังซื้อที่ดี ขณะเดียวกัน ยังได้รับปัจจัยบวกจากการออกมาตรการลดค่าจดจำนอง และค่าธรรมเนียมการโอนเหลือ 0.01% ของรัฐบาลด้วย
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าตลาด Real demand นั้นอยู่ในกลุ่ม Red ocean ซึ่งมีการแข่งขันสูง จึงหนีไม่พ้นการแข่งขันด้านราคา ดังนั้น เพื่อควบคุมต้นทุนให้มีคุณภาพ เสนาฯ ได้มีการจัดตั้งบริษัท ทีเค นวกิจ จำกัด บริษัทรับเหมาก่อสร้างพัฒนาคอนโด low Life และกลุ่มบ้านแนวราบ เพื่อให้สามารถควบคุมต้นทุนและระยะเวลาก่อสร้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ เข้ามารับงานก่อสร้างโครงการของเสนาฯ อีกครั้งหนึ่ง นอกจากการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพแล้ว ในตลาดที่มีการแข่งขันที่รุนแรง จำเป็นต้องมีการสร้างความแตกต่างเพื่อให้ มีข้อได้เปรียบ และสามารถแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดได้มากขึ้น ดังนั้น นวัตกรรมและเทคโนโลยีโซลาร์ เซลล์ จะเป็นกุญแจสำคัญที่สร้างความต่างไปจากคู่แข่ง
นอกจากนี้ เสนาฯ และฮันคิว พันธมิตรจากญี่ปุ่นยังมองถึงโอกาสในช่วงวิกฤต จึงตกลงร่วมมือจัดตั้งกองทุน พร้อมทั้งมีแผนการออกหุ้นกู้ เพื่อนำเงินมาใช้ในการเข้าซื้อโครงการที่ก่อสร้างค้าง หรืออยู่ระหว่างการก่อสร้าง แต่ไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ รวมถึงโครงการที่ผู้ประกอบการต้องการขายยกโครงการ เพราะไม่ต้องการดำเนินธุรกิจต่อเพื่อนำมาพัฒนา และทำตลาดภายใต้แบรนด์เสนาฯ
ดร.เกษรา กล่าวว่า สำหรับแผนในการพัฒนาโครงการใหม่ในปี 63 นี้ บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ 10 โครงการ รวมมูลค่า 7,500 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวสูง 6 โครงการ และโครงการแนวราบ 4 โครงการ โดยในจำนวนนี้ จะเป็นโครงการร่วมทุนแนวราบ 2 โครงการ ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่เสนา ฮันคิว ฮันชิน พันธมิตรจากญี่ปุ่นได้รุกเข้าสู่ตลาดทาวน์โฮม รวมถึงคอนโดฯ ราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท โดยการนำแนวคิด Geo Fit มาปรับใช้กับโครงการร่วมทุน โดยในส่วนของคอนโดฯ ร่วมทุนจะมีการเปิดตัวรวม 3 โครงการ ทั้งนี้ในปี 63 บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายรวม 11,500 ล้านบาท และมีเป้ารับรู้รายได้ที่ 10,600 ล้านบาท