ธปท. ผนึก SAM-สถาบันการเงิน ออกคลินิกแก้หนี้ระยะที่ 3 ครอบคลุมลูกหนี้ทุกประเภท คาดถึงเดือนธันวาคม มีประชาชนเข้าร่วมโครงการเพิ่มรวมกว่า 8,000 ราย
นางธัญญนิตย์ นิยมการ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน 2 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท.ร่วมกับสถาบันการเงินสมาชิก บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) เปิดโครงการคลินิกแก้หนี้ระยะที่ 3 โดยครอบคลุมธนาคารพาณิชย์ นอนแบงก์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ โดยเริ่มโครงการตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2563
สำหรับคุณสมบัติลูกหนี้เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ก่อนวันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นหนี้บัตรทั้งเจ้าหนี้หลายรายและรายเดียว สำหรับปัจจุบันมีสถาบันการเงิน นอนแบงก์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐเข้าร่วมเป็นสมาชิก 35 แห่ง โดยธนาคารออมสินเป็นสมาชิกใหม่ล่าสุดที่เข้าร่วมโครงการ
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2560 โครงการคลินิกแก้หนี้สิ้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมาสามารถช่วยประชาชนแก้หนี้บัตรแล้ว 3,194 ราย ครอบคลุมบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดกว่า 13,000 ใบ มีหนี้บัตรเฉลี่ยรายละ 3 ใบ มูลหนี้เฉลี่ยต่อราย 234,843 บาท โดยมี 72 รายจากจำนวนดังกล่าวชำระหนี้หมดแล้ว และสามารถหลุดจากวงจรหนี้บัตรได้
อย่างไรก็ตาม โครงการคลินิกแก้หนี้ระยะที่ 1 ลูกหนี้จะไม่ถูกดำเนินคดีเท่านั้น ส่วนระยะที่ 2 เพิ่มลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล แต่ระยะที่ 3 ครอบคลุมทั้งหมด คือ ลูกหนี้ไม่ถูกดำเนินคดี ลูกหนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล (คดีดำ) และลูกหนี้ที่ศาลพิจารณาตัดสินแล้ว (คดีแดง) เข้าไปด้วย โครงการคลินิกแก้หนี้ระยะที่ 3 คาดว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้น 5,000 ราย หรือมีประชาชนเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้นกว่า 8,000 รายในสิ้นปีนี้
นายโชคชัย คุณาวัฒน์ รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า ธนาคารเข้าร่วมโครงการดังกล่าว เพื่อช่วยเหลือประชาชนแก้ไขปัญหาหนี้เสีย นอกจากนี้ ธนาคารยังเริ่มโครงการรีไฟแนนซ์หนี้บัตรดี เพื่อลดภาระดอกเบี้ยให้แก่ประชาชนที่มีวินัยและมีประวัติการผ่อนชำระดีเยี่ยม เดิมต้องจ่ายดอกเบี้ยสูง 18% หรือ 28% แต่โครงการนี้จะคิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 8.5-10.5% ตามความเสี่ยง สำหรับโครงการดังกล่าวจะเริ่มเข้าร่วมได้ตั้งแต่เดือนมีนาคม และคาดว่าจะใช้งบ 10,000 ล้านบาท เชื่อว่าจะช่วยลดภาระประชาชนแล้วยังส่งเสริมการออมสำหรับอนาคตด้วย เพราะธนาคารจะสนับสนุนให้ลูกค้านำเงินที่ประหยัดแต่ละเดือนจากการรีไฟแนนซ์ไปเก็บออม เช่น ซื้อสลากออมสิน เป็นต้น
นายนิยต มาศะวิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการ SAM กล่าวว่า โครงการระยะที่ 3 จะปรับกระบวนการทำงานให้รวดเร็วขึ้น ด้วยการนำเทคโนโลยีและช่องทางการสื่อสารที่ทันสมัยเข้ามาอำนวยความสะดวก ให้คำปรึกษา และขั้นตอนการสมัครจนถึงลงนามในสัญญา โดยขั้นตอนทั้งหมดจะมีความกระชับมากขึ้น รวมทั้งทำงานเชิงรุกด้วยการเปิดบริการช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เพื่อรองรับลูกค้าที่ไม่สามารถเดินทางมาที่สำนักงานในช่วงวันทำการปกติด้วย
นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (NCB) กล่าวว่า SAM จะสมัครเข้าเป็นตัวแทน (agent) ของ NCB และจะร่วมกันปรับปรุงกระบวนการตรวจสอบและส่งข้อมูล ทำให้การปรับโครงสร้างหนี้เริ่มเร็วขึ้นและใช้เวลาสั้นลง และ NCB จะพิจารณาสนับสนุนโครงการ โดยมอบคูปองยกเว้นค่าตรวจสอบรายงานเครดิตบูโร สำหรับลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้ จากปกติต้องมีค่าใช้จ่าย 100 บาท