ผู้จัดการรายวัน 360 - "สมคิด" สั่ง "ออมสิน-ธปท." เร่งหามาตรการช่วยลดภาระลูกหนี้กลุ่มข้าราชการ ด้าน "ผอ. ออมสิน" คาดมีข้อสรุปใน 1-2 สัปดาห์ โดยจะมีผลใช้จริงได้ในเดือน มี.ค. 63 เผยยอดรวมเงินกู้เงินคงค้างโดยรวมจะมีอยู่เกือบ 6.3 แสนล้านบาท และเป็นลูกหนี้ออมสินเกือบ 1.2 ล้านราย
วานนี้ (5 ก.พ.) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการตรวจเยี่ยมธนาคารออมสินและมอบนโยบายให้ผู้บริหารระดับสูงของธนาคารฯ ว่า ได้สั่งการให้ธนาคารออมสิน และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เร่งดำเนินการพิจารณาปรับโครงสร้างหนี้ในกลุ่มข้าราชการ ซึ่งธนาคารออมสินต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
ทั้งนี้ ปัญหาหนี้สินของข้าราชการถือเป็นเรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก และเป็นนโยบายที่นายกรัฐมนตรีได้กำชับมา อยากให้ธนาคารออมสินช่วยผ่อนคลายภาระการชำระหนี้ดังกล่าวนี้ เนื่องจากเป็นปัญหาสะสมมานาน ภาระหนี้มีสูงมากจนกระทั่งลูกหนี้บางรายเกือบจะไม่มีทางจ่ายหนี้คืน ดังนั้น จึงได้ให้ธนาคารออมสินไปหารือกับ ธปท. ถึงการหาแนวทางว่าจะช่วยเหลือลูกหนี้ข้าราชการกันได้อย่างไร เพื่อที่จะทำให้ลูกหนี้สามารถกลับมายืนขึ้นใหม่ได้อีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม รองนายกรัฐมนตรี ย้ำว่า การให้ความช่วยเหลือทุกอย่างยับต้องดำเนินการภายใต้กรอบและกฎเกณฑ์ที่เหมาะสมด้วย
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากนี้ธนาคารออมสินจะเข้ามาหารือกับกระทรวงการคลังถึงรูปแบบที่เหมาะสมสำหรับการปรับโครงสร้างหนี้ของข้าราชการ โดยที่ผ่านมาธนาคารฯ ได้หารือเรื่องดังกล่าวกับธปท. แล้ว ซึ่ง ธปท.ได้ให้ความสนใจ เนื่องจากเรื่องดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับระบบการเงินทั้งระบบ
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน คาดว่า ภายใน 1-2 สัปดาห์ ธนาคารออมสินจะเสนอแนวทางการให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้ข้าราชการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาได้ ทั้งนี้ โดยเบื้องต้นแนวทางให้ความช่วยเหลือจะเป็นเรื่องการยืดระยะเวลาในการชำระหนี้ให้ลูกหนี้ และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในรูปแบบเครดิตเงินคืน เพื่อใช้ในการหักเงินต้นให้กับลูกหนี้ที่ยังมีการผ่อนชำระหนี้ โดยลูกหนี้ดังกล่าวนี้จะมีสัดส่วนราว 90% ของจำนวนลูกหนี้ข้าราชการโดยรวมทั้งหมดของธนาคารออมสิน
อย่างไรก็ตาม ลูกหนี้ข้าราชการที่อยู่ในกลุ่มหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) นั้น จะได้รับการปรับโครงสร้างหนี้ให้กลับเข้าสู่กลุ่มลูกหนี้ชั้นดีก่อน และจากนั้นจึงจะสามารถเข้าสู่กระบวนการข้างต้นได้ ทั้งนี้ ผู้อำนวยการธนาคารออมสินคาดว่า มาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ข้าราชการจะมีผลบังคับใช้ได้ภายใน มี.ค. 63
สำหรับข้อมูลบุคลากรภาครัฐที่มีสินเชื่อกับธนาคารออมสินในปัจจุบันจะมีทั้งสิ้น 1,183,182 ราย โดยแบ่งเป็นข้าราชการพลเรือน/พนักงานรัฐวิสาหกิจ 600,129 ราย หรือคิดเป็นคิดเป็น 51% ส่วน ลูกหนี้ในกลุ่มบุคลากรทางการศึกษา 489,060 ราย หรือคิดเป็น 41% ทหารอีก 48,052 ราย หรือคิดเป็น 4% และตำรวจอีก 45,941 ราย หรือคิดเป็น 4% โดยคิดเป็นมูลหนี้รวม 629,138 ล้านบาท
นายชาติชาย ยังกล่าวถึง โครงการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ว่า จะสามารถใช้งานได้ในวันที่ 1 มี.ค. 63 ซึ่งธนาคารออมสินได้เตรียมกรอบวงเงินไว้ 1 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมโครงการถึง 1 แสนราย ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจะเป็นการเข้าไปรับรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตจากลูกค้าที่ยังไม่เป็น NPL ที่ปกติผู้ถือบัตรเครดิตมีภาระการผ่อนชำระขั้นต่ำ 10% แต่หากผู้ถือบัตรเครดิตเข้ามารีไฟแนนซ์กับธนาคารฯ แล้ว จะได้รับการผ่อนปรนในอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำเพียง 2.5% และขยายระยะเวลากู้นาน 4 ปี ซึ่งจะช่วยลดภาระให้กับลูกค้าที่มีภาระในการผ่อนชะรำหนี้บัตรเครดิตได้เป็นอย่างดี
วานนี้ (5 ก.พ.) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการตรวจเยี่ยมธนาคารออมสินและมอบนโยบายให้ผู้บริหารระดับสูงของธนาคารฯ ว่า ได้สั่งการให้ธนาคารออมสิน และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เร่งดำเนินการพิจารณาปรับโครงสร้างหนี้ในกลุ่มข้าราชการ ซึ่งธนาคารออมสินต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
ทั้งนี้ ปัญหาหนี้สินของข้าราชการถือเป็นเรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก และเป็นนโยบายที่นายกรัฐมนตรีได้กำชับมา อยากให้ธนาคารออมสินช่วยผ่อนคลายภาระการชำระหนี้ดังกล่าวนี้ เนื่องจากเป็นปัญหาสะสมมานาน ภาระหนี้มีสูงมากจนกระทั่งลูกหนี้บางรายเกือบจะไม่มีทางจ่ายหนี้คืน ดังนั้น จึงได้ให้ธนาคารออมสินไปหารือกับ ธปท. ถึงการหาแนวทางว่าจะช่วยเหลือลูกหนี้ข้าราชการกันได้อย่างไร เพื่อที่จะทำให้ลูกหนี้สามารถกลับมายืนขึ้นใหม่ได้อีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม รองนายกรัฐมนตรี ย้ำว่า การให้ความช่วยเหลือทุกอย่างยับต้องดำเนินการภายใต้กรอบและกฎเกณฑ์ที่เหมาะสมด้วย
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากนี้ธนาคารออมสินจะเข้ามาหารือกับกระทรวงการคลังถึงรูปแบบที่เหมาะสมสำหรับการปรับโครงสร้างหนี้ของข้าราชการ โดยที่ผ่านมาธนาคารฯ ได้หารือเรื่องดังกล่าวกับธปท. แล้ว ซึ่ง ธปท.ได้ให้ความสนใจ เนื่องจากเรื่องดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับระบบการเงินทั้งระบบ
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน คาดว่า ภายใน 1-2 สัปดาห์ ธนาคารออมสินจะเสนอแนวทางการให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้ข้าราชการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาได้ ทั้งนี้ โดยเบื้องต้นแนวทางให้ความช่วยเหลือจะเป็นเรื่องการยืดระยะเวลาในการชำระหนี้ให้ลูกหนี้ และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในรูปแบบเครดิตเงินคืน เพื่อใช้ในการหักเงินต้นให้กับลูกหนี้ที่ยังมีการผ่อนชำระหนี้ โดยลูกหนี้ดังกล่าวนี้จะมีสัดส่วนราว 90% ของจำนวนลูกหนี้ข้าราชการโดยรวมทั้งหมดของธนาคารออมสิน
อย่างไรก็ตาม ลูกหนี้ข้าราชการที่อยู่ในกลุ่มหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) นั้น จะได้รับการปรับโครงสร้างหนี้ให้กลับเข้าสู่กลุ่มลูกหนี้ชั้นดีก่อน และจากนั้นจึงจะสามารถเข้าสู่กระบวนการข้างต้นได้ ทั้งนี้ ผู้อำนวยการธนาคารออมสินคาดว่า มาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ข้าราชการจะมีผลบังคับใช้ได้ภายใน มี.ค. 63
สำหรับข้อมูลบุคลากรภาครัฐที่มีสินเชื่อกับธนาคารออมสินในปัจจุบันจะมีทั้งสิ้น 1,183,182 ราย โดยแบ่งเป็นข้าราชการพลเรือน/พนักงานรัฐวิสาหกิจ 600,129 ราย หรือคิดเป็นคิดเป็น 51% ส่วน ลูกหนี้ในกลุ่มบุคลากรทางการศึกษา 489,060 ราย หรือคิดเป็น 41% ทหารอีก 48,052 ราย หรือคิดเป็น 4% และตำรวจอีก 45,941 ราย หรือคิดเป็น 4% โดยคิดเป็นมูลหนี้รวม 629,138 ล้านบาท
นายชาติชาย ยังกล่าวถึง โครงการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ว่า จะสามารถใช้งานได้ในวันที่ 1 มี.ค. 63 ซึ่งธนาคารออมสินได้เตรียมกรอบวงเงินไว้ 1 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมโครงการถึง 1 แสนราย ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจะเป็นการเข้าไปรับรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตจากลูกค้าที่ยังไม่เป็น NPL ที่ปกติผู้ถือบัตรเครดิตมีภาระการผ่อนชำระขั้นต่ำ 10% แต่หากผู้ถือบัตรเครดิตเข้ามารีไฟแนนซ์กับธนาคารฯ แล้ว จะได้รับการผ่อนปรนในอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำเพียง 2.5% และขยายระยะเวลากู้นาน 4 ปี ซึ่งจะช่วยลดภาระให้กับลูกค้าที่มีภาระในการผ่อนชะรำหนี้บัตรเครดิตได้เป็นอย่างดี