ใครที่ตามแห่เก็งกำไรหุ้น บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY เจ็บตัวกันตามระเบียบ เพราะเมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา ราคาหุ้นทรุดลงแรง แมลงเม่าตายกันเป็นเบือ
BEAUTY เข้ามาซื้อขายเมื่อวันที่ 12 เดือนธันวาคม 2555 ในฐานะผู้จำหน่ายปลีกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและบำรุงผิว โดยนำหุ้นเสนอขายประชาชนทั่วไปครั้งแรกในราคา 8 บาท จากราคาพาร์ 1 บาท และเป็นหุ้นยอดนิยมอยู่หลายปี ราคาเคยขยับขึ้นไปสูงสุดที่ 23.70 บาท ประมาณกลางปี 2561
ผู้ถือหุ้นใหญ่ กลุ่มไกรภูเบศ ถือโอกาสทยอยขยายหุ้นออกช่วงราคาหุ้นขึ้น โกยเงินเข้ากระเป๋าไปหลายพันล้านบาท จนเหลือสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ประมาณ 20% เศษของทุนจดทะเบียน ขณะที่นักลงทุนรายย่อยที่แห่เข้ามาเก็งกำไร ต้องแบกหุ้นต้นทุนสูงติดมือ
หุ้นราคาแพง ถูกผ่องถ่ายจากกลุ่มไกรภูเบศ มาสู่มือนักลงทุนรายย่อย ซึ่งติดหุ้นตัวนี้อีนุงตุนังจำนวนรวมทั้งสิ้น 43,780 รายถือหุ้นรวมกันสัดส่วน 78.29% ของทุนจดทะเบียน
มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมของ BEAUTY เคยพุ่งขึ้นไปสูงสุดประมาณ 7 หมื่นล้านบาท ทั้งที่มีสินทรัพย์รวมสูงสุดเพียงประมาณ 2.3 พันล้านบาท และราคาหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชี (P/VB) เคยพุ่งขึ้นสูงถึงกว่า 15 เท่า เมื่อปี 2561 ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาหุ้นพุ่งขึ้นสูงสุด ปัจจุบัน P/VB อยู่ที่ประมาณ 8 เท่า ซึ่งถือว่ายังสูงอยู่
แรงเชียร์จากนักวิเคราะห์ที่ประเมินแนวโน้มอัตราการเติบโตที่สดใส ทำให้นักลงทุนแห่เก็งกำไร BEAUTY จนราคาหุ้นพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง
แต่หลังจากพุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดที่ 23.70 บาท BEAUTY ปรับฐานลง ขณะที่ ผลประกอบการไม่เติบโตตามความคาดหมาย รายได้จากการขายลดฮวบ
ขณะที่กำไรชะลอตัว ส่งผลให้อัตราการจ่ายเงินปันผลลดตาม โดยงวด 6 เดือนแรกปี 2562 จ่ายเงินปันผลเพียง 0.035 บาทต่อหุ้น จากก่อนหน้าจ่ายเงินปันผลงวดละกว่า 13 สตางค์ และเคยจ่ายปันผลสูงสุดถึงงวดละ 0.258 สตางค์
ราคาหุ้น BAEUTY อยู่ในช่วงขาลงเต็มตัวมาประมาณ 2 ปี และสร้างจุดต่ำสุดใหม่ที่ 1.65 บาท เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2562 และมูลค่าซื้อขายเหลือเพียงวันละไม่กี่สิบล้านบาท
แต่จากจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เข้าตลาดหุ้นที่ระดับ 1.65 บาท เริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามา มูลค่าการซื้อขายหนาตาขึ้นสู่ระดับหลายร้อยล้านบาท ก่อนจะมีการกระชากหุ้นพุ่งทะยานเมื่อกลางสัปดาห์ก่อน โดยมูลค่าการซื้อขายขยับขึ้นวันละกว่า 1 พันล้านบาท
วันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา ในระหว่างชั่วโมงซื้อขาย หุ้น BAEUTY พุ่งขึ้นไปสูงสุดที่ 3.12 บาท โดยประมาณ 3 สัปดาห์ ปรับตัวขึ้นเกือบ 90% แต่ช่วงบ่ายมีแรงขายไหลบ่าเข้ามา จนราคารูดลง ก่อนจะปิดที่ 2.84 บาท ลดลงจากวันก่อนหน้า 14 สตางค์ หรือลดลง 4.70% มูลค่าซื้อขาย 2,036.08 ล้านบาท
ราคาหุ้น BEAUTY ที่ดีดกลับมาประมาณ 3 สัปดาห์ ไม่มีข่าวดีสนับสนุนอย่างชัดเจน เพียงแต่ลือกันว่า ผลประกอบการไตรมาสที่ 4 จะออกมาดี กระตุ้นให้นักลงทุนรายย่อยแห่เข้าไปเก็งกำไร จนราคาพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบนี้ที่ 3.12 บาท
นักลงทุนที่เข้าไปลุย BEAUTY เมื่อวันพฤหัสบดี ตอนนี้บาดเจ็บไปแล้ว แต่จะเจ็บมากหรือเจ็บน้อย ต้องดูว่าหุ้นปิดรอบแล้วหรือยัง จะปรับฐานลงต่อหรือไม่
สถานการณ์ ความพลิกผันของ BEAUTY ตอกย้ำว่า หุ้นตัวนี้เป็นหุ้นอันตราย เผลอใจตามแห่เก็งกำไร อาจกระเป๋าฉีกได้ง่ายๆ
จะลุย BEAUTY ต้องระวังตัวกันสักหน่อย เพราะทำเจ็บมาหลายรอบแล้ว