หุ้นปิดร่วงแรง 25.96 จุด หนักกว่าตลาดต่างประเทศ วิตกสถานการณ์ตะวันออกกลาง แถมแรงกดดันปัจจัยเฉพาะตัวในประเทศ แนวโน้มวันพรุ่งนี้ ทิศทางตลาดยังขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง แต่ก็มีโอกาสจะเกิดเทคนิคเคิลรีบาวด์ได้หลังจากปรับตัวลงไปมากแล้ว
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงมากกว่าตลาดต่างประเทศ ทั้งตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส และตลาดในยุโรป ที่ต่างติดลบกันไม่มากนัก
ดัชนี SET เริ่มไหลลงมาใกล้จุดต่ำสุดเดิมที่ 1,543 จุด ส่วนหนึ่งอาจมาจากขาดแรงหนุนจากกองทุน เพราะขณะนี้ก็ไม่มีกองทุน LTF ที่จะมาช่วยหนุนแล้ว ขณะที่ SSF กว่าจะออกมาคงเป็นราวเดือน ก.พ. ทำให้หุ้นปรับลงทั้งกระดาน ยกเว้นหุ้น PTTEP ที่ดีดตัวตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น
นอกจากนี้ ตลาดบ้านเรายังได้แรงกดดันจากปัจจัยเฉพาะตัวภายในประเทศด้วย อย่างกลุ่มแบงก์ ได้รับแรงกดดันจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีมาตรการช่วยเหลือกลุ่ม SME และภาคครัวเรือน โดยเฉพาะการปรับลดค่าธรรมเนียม ส่งผลให้แบงก์ต้องแบกรับภาระไป ส่วนกลุ่มปิโตรเคมี ปรับตัวลงมาก เนื่องจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นกระทบต่อต้นทุน ขณะที่สเปรดปิโตรฯยังไม่ได้ดีขึ้น
อีกทั้งช่วงนี้ก็อยู่ในช่วงของการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ในวาระ 2 และวาระ 3 แต่เชื่อว่าน่าจะผ่านไปได้ รวมถึงยังมีเรื่องกิจกรรมวิ่งไล่ลุงวันที่ 12 ม.ค.นี้ที่มีนัยทางการเมือง ส่งผลให้ตลาดฯยังเปราะบาง
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,559.27 จุด ลดลง 25.96 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -1.64% มูลค่าการซื้อขาย 65,089.77 ล้านบาท ด้านประเภทนักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 3,051.32 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 294.32 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,247.22 ล้านบาท และนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 509.78 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (9 ม.ค.) นายณัฐพล กล่าวว่า ทิศทางตลาดยังขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง แต่ก็มีโอกาสจะเกิดเทคนิคเคิลรีบาวด์ได้หลังจากปรับตัวลงไปมากแล้ว โดยมองแถว 1,545-1,550 จุดอาจมีแรงซื้อกลับเข้ามาบ้าง โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มพลังงานมีโอกาสฟื้นตัว แต่มองไปที่พลังงานต้นน้ำ คือ น้ำมัน เป็นหลัก, กลุ่ม Defensive และหุ้นปันผลดี รวมถึงกลุ่มส่งออกอาหารหลังเงินบาทอ่อนค่า อย่าง CPF เริ่มเห็นแข็งแกร่งกว่าตลาดฯ แต่คงเป็นการฟื้นตัวเบาๆ เนื่องจากยังมีหลายปัจจัยต้องติดตาม พร้อมให้แนวรับ 1,550 จุด ส่วนแนวต้าน 1,570 จุด