บล.เอเซียพลัสชี้หุ้นไทยปี 63 เผชิญหลายแรงกดดัน ให้เป้าสิ้นปี 1,675 จุด คาดแนวรับ 1,530 จุด รับมือความตึงเครียดสหรัฐฯ-อิหร่านได้ แนะลงทุนหุ้นที่โตโดดเด่นจากปัจจัยเฉพาะตัว
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลงแรงมาจากความตึงเครียดในตะวันออกกลางระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่านที่รุนแรงขึ้น ซึ่งคาดว่าเหตุการณ์จะยืดเยื้อ โดยให้แนวรับที่ 1,530 จุด ซึ่งคาดว่าดัชนีจะไม่หลุดบริเวณดังกล่าวหากเหตุการณ์ไม่รุนแรงถึงขั้นเป็นสงครามตะวันออกกลาง
นายเทิดศักดิ์กล่าวว่า ปีนี้ตลาดยังเผชิญกับปัจจัยกดดันหลายเรื่อง จากประเด็นเรื่องสงครามการค้า จากประเทศคู่ค้าอื่นที่ไม่ใช่สหรัฐฯ กับจีน ซึ่งจะกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยให้ชะลอตัว ความร้อนแรงทางการเมืองที่อาจกระทบต่อความมั่นคงของรัฐบาล รวมถึงปัญหาภัยแล้งที่ในปีนี้จะหนักสุดในรอบ 40 ปี กระทบต่อภาคอุตสาหกรรมเกษตรและการบริโภคประชาชนที่อยู่ในภาคเกษตรกรรม นอกจากนี้ ยังมีเรื่องการปรับเปลี่ยนมาตรฐานบัญชีใหม่ที่ถือเป็นความเสี่ยงต่อประมาณการกำไรของตลาดด้วยและเชื่อว่าจะกดดันให้ Fund Flow ชะลอการไหลเข้าตลาดหุ้นไทย และคาดว่าต่างชาติจะขายสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 นับตั้งแต่ปี 2556 และปีนี้เป็นปีแรกที่ขาดเม็ดเงินจากกองทุน LTF เข้ามาช่วยหนุนตลาดด้วย ซึ่งเม็ดเงินจากกองทุน LTF ขั้นต่ำ 20,000 ล้านบาทต่อปี
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของ SET Index ปี 2563 ในช่วงพี/อี เรโชที่ 16.5-17.5 เท่า เมื่อคำนวณกับ EPS ปีนี้ที่ 95.71 บาทต่อหุ้น จะได้กรอบการเคลื่อนไหวของ SET Index บริเวณ 1,579 จุด เป็นกรอบล่าง และมี 1,675 จุด เป็นกรอบบน มี Upside เปิดกว้างสุดจากปัจจุบันประมาณ 6.8% ส่วนกลยุทธ์การลงทุนไตรมาส 1 ปี 2563 เนื่องจากสถานการณ์ปีนี้มีความเสี่ยงจากหลายปัจจัย ดังนั้น การลงทุนจึงต้องเน้นหุ้นรายตัวที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวหนุนให้ผลประกอบการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เช่น BGRIM, PTT , LH, AP, ROBINS และ CPF เป็นต้น