ดัชนีหุ้นที่ได้มากว่า 15 จุด วันประเดิมเปิดตลาดหุ้นรับปี 2563 ถูกเอาคืนไปเสียแล้ว จากสถานการณ์สหรัฐฯ กับอิหร่าน ซึ่งฉุดดัชนีหุ้นวันจันทร์ที่ผ่านมาทรุดตัวแรง 26.47 จุด ลงมาปิดที่ 1,568.50 จุด ต่ำกว่าจุดปิดเมื่อสิ้นปี 2562
แม้ชนวนสงครามระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่าน ยังไม่อาจประเมินได้ว่า จะรุนแรงและลุกลามบานปลายขนาดไหน แต่ราคาหุ้นที่ร่วงลงหนัก ทำให้นักลงทุนบางส่วนรู้สึกคันไม้คันมือ อยากจะช้อนซื้อหุ้นเก็บ
ยิ่งการดิ่งลงแรงเมื่อวันจันทร์ ไม่ได้เกิดจากการเทขายของต่างชาติ แต่เป็นการขายของกองทุนในประเทศ ยิ่งกระตุ้นให้นักลงทุนอยากจะลุยซื้อ เพราะกองทุนอาจขายหุ้นเพียงชั่วคราว
ถ้ากองทุนหยุดขาย และสถานการณ์ในตะวันออกกลางไม่เลวร้ายไปกว่าเดิม หุ้นพร้อมจะเด้งกลับได้ตลอดเวลา
วิกฤตสงครามระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่านที่พร้อมปะทุ ถูกมองว่า จะเป็นโอกาสที่ดีในการเก็บหุ้นราคาต้นทุนต่ำเพราะถ้าไม่มีเหตุการณ์สังหารนายพลคนสำคัญของอิหร่าน ดัชนีฯ คงวิ่งฉิวทะลุ 1,600 จุดไปแล้ว
หุ้นขนาดใหญ่ปัจจัยพื้นฐานดี ราคาคงทะยานไปไกล จนไล่ซื้อไม่ทัน
แต่เพราะชนวนความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่สหรัฐฯ ก่อขึ้น หุ้นทั้งกระดานจึงร่วงลงมา เชิญชวนให้นักลงทุนเลือกช้อนเก็บ เพียงแต่ความกังวลในผลกระทบจากภาวะสงครามเท่านั้น จึงทำให้นักลงทุนไม่กล้าผลีผลามลุย
เพราะความเสี่ยงยังสูง ถ้าเกิดเหตุการณ์แก้แค้นเอาคืนสหรัฐฯ ตามมา ตลาดหุ้นคงทรุดอีกระลอก และไม่รู้ดัชนีฯ ลงลึกขนาดไหน
ในยามเกิดวิกฤต โจทย์ยากสำหรับการลงทุนคือ ไม่มีใครรู้ว่า เหตุการณ์จะลุกลามบานปลายอย่างไร วิกฤตจะยืดเยื้อยาวนานขนาดไหน ทำให้ไม่สามารถกำหนดกลยุทธ์การลงทุนได้ นอกจากเฝ้ารอประเมินสถานการณ์วันต่อวันเท่านั้น
วิกฤตในตะวันออกกลางครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ไม่มีใครทำนายเหตุการณ์ได้ นอกจากเฝ้าจับสัญญาณว่า สถานการณ์เลวร้ายถึงขีดสุดหรือยัง
ถ้าจับสัญญาณได้ว่า เมื่อใดที่หุ้นผ่านจุดเลวร้ายต่ำสุดแล้ว จะเป็นจังหวะที่ดีในการเก็บหุ้นตุนไว้ในพอร์ต
หุ้นที่ทรุดลงแรง เพราะความตื่นตระหนกในวิกฤต เมื่อวิกฤตผ่านไป หุ้นจะดีดกลับขึ้นแรง รวมทั้งวิกฤตศึกสหรัฐฯ กับอิหร่าน
ซึ่งหากเหตุการณ์คลี่คลาย หุ้นพร้อมจะพุ่งทะยานขึ้นมาใหม่ และสามารถทะลุผ่าน 1,600 จุดได้ในเวลารวดเร็ว
แต่ใครจะรู้ได้ว่า วิกฤตในตะวันออกกลางครั้งนี้จะปิดฉากลงเมื่อไหร่ ใครจะรับประกันว่า จะไม่มีเหตุร้ายตามมา หลังผู้นำทางทหารของอิหร่านถูกใบสั่งตายจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ
คงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า หุ้นปัจจัยพื้นฐานดี ราคาขณะนี้น่าซื้อ แต่ความเสี่ยงจากภาวะความตึงเครียดในตะวันออกกลาง กลายเป็นตัวบั่นทอนความน่าสนใจ
เพราะถ้าเกิดเหตุร้ายตามมา และคนที่มือไว รีบซื้อหุ้นวันนี้ อาจต้องเสียใจในวันหลัง เนื่องจากซื้อหุ้นแพง เมื่อวันข้างหน้ามีหุ้นราคาถูกกว่าให้ซื้อ
อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนที่พร้อมถือยาว และเห็นว่า ราคาหุ้นลงมาถึงจุดที่เหมาะสมตามปัจจัยพื้นฐานแล้ว อาจแบ่งเงินสด เริ่มทยอยซื้อหุ้นเก็บสะสมได้ โดยเฉพาะหากราคาหุ้นปรับฐานลงต่อ
แต่ถ้าต้องการความปลอดภัย ไม่อยากเสี่ยง และอยากให้มั่นใจว่า ได้ซื้อของถูกจริง คงต้องรอประเมินสถานการณ์ต่อไป
รอจนกว่าสถานการณ์ในตะวันออกกลางสุกงอม รอจนตลาดหุ้นซึมซับรับข่าวร้ายหมดเสียก่อน จึงฉวยจังหวะเข้ามาเก็บหุ้น
วิกฤตรอบนี้ เป็นโอกาสแสวงหาโอกาสเก็บเกี่ยวกำไรงามๆ จากตลาดหุ้น แต่ต้องตีโจทย์ให้แตกว่า จุดต่ำสุดของหุ้นรอบนี้อยู่แถวไหน และรอโอกาสซื้อแถวนั้น
แน่นอนว่า การควานหาจุดต่ำสุดของตลาดหุ้นในแต่ละวิกฤตไม่ใช่เรื่องง่าย เช่นเดียวกับวิกฤตสงครามระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่าน
เพราะถ้าประเมินหาจุดต่ำสุดของตลาดหุ้นแต่ละรอบได้ง่ายๆ นักลงทุนคงรอซื้อของถูก และรวยกันหมดแล้ว