นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ออกมายอมรับแล้วว่า อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยโตไม่ถึง 2.8% เนื่องจากผลกระทบเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
เช่นเดียวกับนักวิเคราะห์หลักทรัพย์จากโบรกเกอร์ทุกค่ายคงออกมายอมรับเหมือนกันว่า ตลาดหุ้นปีนี้ซบเซาเกินความคาดหมาย และดัชนีหุ้นคงไม่เป็นไปตามประมาณการที่ตั้งกันไว้เฉลี่ยประมาณ 1,750 จุด
และเมื่อวันจันทร์ที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมา ดัชนีฯ ถอยลงมาปิดที่ 1,552.96 จุด ซึ่งเป็น จุดต่ำสุดใหม่ในรอบปี และต่ำกว่าจุดปิดเมื่อสิ้นปี 2561 ที่ระดับ 1,563.88 จุด โดยเหลืออีกเพียง 3 สัปดาห์จะปิดฉากปี 2562 ดัชนีฯ จึงมีโอกาสพุ่งทะยานได้ 200 จุด
ตลาดหุ้นที่ทรุดตัวลง เกิดจากผลกระทบทั้งจากปัจจัยภายนอกและภายใน โดยผลกระทบปัจจัยภายนอกประกอบด้วย ปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และเศรษฐกิจโลกตกต่ำ ส่วนผลกระทบจากปัจจัยภายในประกอบด้วย ภาวะเศรษฐกิจซบเซา ค่าเงินบาทที่แข็ง การส่งออกตกต่ำ ผลกระทบการที่บริษัทจดทะเบียนทรุด ต่างชาติเทขายหุ้นและ ความไม่มั่นใจในแนวโน้มเศรษฐกิจการลงทุน
ช่วงต้นปี ตลาดหุ้นถูกประเมินด้วยภาพที่สวยหรู นักวิเคราะห์หุ้นที่มองโลกสวยทำนายว่า ดัชนีหุ้นปีนี้จะพุ่งทะลุ 1,800 จุด แต่โบรกเกอร์ส่วนใหญ่มองกันเพียง 1,750 จุดเท่านั้น
ส่วนนักลงทุนต่างชาติ โบรกเกอร์ส่วนใหญ่เชื่อว่า จะทยอยกลับเข้ามาลงทุน แต่ ทุกสำนักก็คาดการณ์ผิด เพราะต่างชาติยังคงขายหุ้นต่อเนื่องจากปี 2561 โดยมียอดขายสุทธิสะสมสิ้นสุดวันที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมา จำนวนรวมทั้งสิ้น 2.82 หมื่นล้านบาท ขณะที่ปีก่อนขายสุทธิจำนวนทั้งสิ้น 2.87 แสนล้านบาท
อีก 3 สัปดาห์ข้างหน้า ก่อนปิดฉากปี 2562 ต่างชาติคงไม่กลับมาแล้ว แต่มีแนวโน้มที่จะขายต่อเนื่อง เพราะต้องการฉุดให้ดัชนีลง เนื่องจากถือสัญญา SHORT เซต 50 ฟิวเจอร์ส หรือ SHORTสัญญาเซต 50 ขาลงไว้ประมาณ 8 หมื่นสัญญา จึงต้องกดดัชนีฯ ให้ลง เพื่อทำกำไรในสัญญาฟิวเจอร์ส
แม้จะมีเงินทุนจากกองทุนหุ้นระยะยาวหรือ LTF และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพหรือ RMF ไหลเข้ามาในเดือนธันวาคมกว่า 1 หมื่นล้านบาท แต่เงิน LTF และ RMF ไม่อาจต้านทานการถล่มขายของต่างชาติได้ ดัชนีหุ้นจึงถูกทุบรูดต่อเนื่องเป็นวันที่ 9 และถ้าไม่มีข่าวดีชิ้นใหญ่เข้ามา ในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ ตลาดหุ้นอาจอยู่ในช่วงขาลงต่อไป
จุดปิดดัชนีหุ้นสิ้นปีนี้ โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ไม่ได้มองไกลไปกว่า 1,600 จุด โดยหากกระเตื้องขึ้นไปปิดที่ 1,600 จุดได้ คงเป็นที่พอใจของทุกฝ่าย
แต่จะมีโอกาสได้เห็นดัชนี 1,600 จุดหรือ
เพราะฝรั่งคงกดดัชนีหุ้นไม่ให้โงหัวขึ้น หรือทุบให้ลงลึกมากที่สุด เพื่อฟันกำไรให้เต็มเหนี่ยวจากสัญญาเซต 50 ฟิวเจอร์ส
ส่วนนักลงทุนรายย่อยถอดใจกันแล้ว ไม่กล้าผลีผลามซื้อหุ้น เพราะกังวลว่า เศรษฐกิจและการลงทุนในปีหน้าจะทรุดหนักกว่าปีนี้
นอกจากเงินกองทุน LTF และ RMF แล้ว ไม่มีข่าวดีหรือปัจจัยบวกใดที่จะกระตุ้นตลาดหุ้นช่วงโค้งสุดท้าย
ดังนั้น แม้จะเหลืออีกไม่ถึง 50 จุด ดัชนีฯ จะขึ้นมาแตะระดับ 1,600 จุด แต่โอกาสที่ดัชนีฯ จะพุ่งขึ้น 50 จุด ใน 3 สัปดาห์ข้างหน้าเป็นไปได้ยาก
ขณะที่โอกาสดัชนีฯ จะถอยลงลงมาใกล้ 1,500 จุด มีความเป็นไปได้มากกว่า เพราะฝรั่งปักหลักถล่มขายไม่เลิกแน่
ปิดฉากตลาดหุ้นปี 2562 อย่าหวังลุ้นดัชนีฯ แตะ 1,600 จุด แต่มาช่วยกันลุ้น ไม่ให้ดัชนีฯ หลุด 1,500 จุดดีกว่า ปีนี้นักลงทุนจะได้เจ็บตัวกันน้อยหน่อย
