ช่วงปลายปีของทุกปี บรรดานักวิเคราะห์หลักทรัพย์โบรกเกอร์สำนักต่างๆ กูรูหุ้น โหรหุ้น และหมอดูหุ้นจะเรียงหน้าออกมาทำนายแนวโน้มตลาดหุ้นในปีต่อไป ช่วงปลายปีนี้ก็เช่นกัน เริ่มมีการทำนายบรรยากาศการลงทุนหุ้นในปีหน้ากันแล้ว
มุมมองส่วนใหญ่เป็นการมองโลกสวย ประเมินว่า ตลาดหุ้นปีหน้าจะกระเตื้องขึ้น โดยโบรกเกอร์บางสำนักคาดหมายว่า ดัชนีหุ้นปีหน้าจะพุ่งขึ้นไปถึงระดับ 1,850 จุด ส่วนนักลงทุนต่างชาติจะทยอยกลับมา เพราะปีก่อนขายออกมาเยอะกว่า 2.8 แสนล้านบาท
และฟันธงว่า ตลาดหุ้นได้พ้นจุดต่ำสุดแล้ว
คำทำนายของโหรหุ้นทั้งหลายอาจปลอบประโลมให้นักลงทุนมีความหวังขึ้น แต่สถานการณ์ตลาดหุ้นที่เกิดขึ้นจริง กลับเป็นสิ่งตรงกันข้ามกับคำทำนาย
เพราะดัชนีหุ้นยังดำดิ่ง ต่างชาติยังไม่มีสัญญาณกลับมา นักลงทุนชะลอการซื้อขาย เนื่องจากไม่มีความมั่นใจในแนวโน้มตลาดหุ้นปีหน้า
ปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ซึ่งกูรูหุ้นหยิบยกเป็นปัจจัยสนับสนุนการฟื้นตัวของตลาดหุ้น โดยคาดว่าการเจรจาข้อตกลงระหว่างประเทศอภิมหาอำนาจทางเศรษฐกิจทั้งสองจะจบลงด้วยดีนั้น สถานการณ์อาจพลิกผันและปีนี้คงไม่มีเซ็นข้อตกลงร่วมใดๆ
ถ้าสงครามการค้าไม่คลี่คลาย จะกลายเป็นตัวแปรที่กดดันเศรษฐกิจและการลงทุนทั่วโลก จนถึงปลายปีหน้า
ขณะที่ตลาดหุ้นไทยจะตกอยู่ในความแปรปรวนต่อไป
ปัจจัยลบสำคัญอีกด้านที่กูรูหุ้นฝ่ายมองโลกสวยไม่พยายามพูดถึงคือ ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ซึ่งงวด 9 เดือนแรก ตัวเลขอย่างไม่เป็นทางการ กำไรสุทธิลดลงประมาณ 14% แต่ดัชนีหุ้นยังไม่ซึมซับรับทั้งหมด
เพราะดัชนีหุ้นยังยืนอยู่เหนือ 1,563 จุด ซึ่งเป็นจุดปิดเมื่อสิ้นปี 2561 ทั้งที่ควรปรับตัวลงตามผลกำไรสุทธิบริษัทจดทะเบียนลดลง และน่าจะเคลื่อนไหวอยู่ต่ำกว่าจุดปิดปีก่อน
มีความพยายามชี้นำว่า เศรษฐกิจและการลงทุนในปีหน้าจะฟื้นตัวขึ้น โดยอ้างมาตรการกระตุ้นของรัฐบาลเป็นตัวกระตุ้น อ้างสงครามการค้าคลี่คลาย รวมทั้งอ้างว่าต่างชาติจะขนเงินกลับมาไล่ซื้อหุ้น
แต่นักลงทุนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยเชื่อมั่นกับภาวการณ์ลงทุนปีหน้า ไม่เชื่อว่าเศรษฐกิจผ่านจุดเลวร้ายมาแล้ว ไม่เชื่อว่าดัชนีหุ้นผ่านพ้นต่ำสุดมาแล้ว
เพราะถ้าเชื่อคงแห่เข้ามาไล่ช้อนหุ้นจนฝุ่นตลบ
นักลงทุนเปลี่ยนตัวเองเป็นนักสังเกตการณ์ เฝ้าดูตลาดหุ้นไปวันๆ เท่านั้น และบางส่วนทยอยขายหุ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนในปีหน้า ฉุดให้ดัชนีหุ้นทรุดลง จนถอยไปตั้งหลักต่ำกว่า 1,600 จุด และอาจถอยลงไปในระดับเดียวกับจุดปิดเมื่อปีก่อนที่ 1,563 จุด
หุ้นขนาดใหญ่กลุ่มนำตลาด และถือเป็นหุ้นชั้นดี ถูกผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำกันถ้วนหน้า กลุ่มธนาคารพาณิชย์ถูกถล่มขาย เพราะความหวั่นไหวในปัญหาหนี้เสีย ธุรกิจปิโตรเคมีซบเซา กลุ่มส่งออกถดถอย กลุ่มวัสดุก่อสร้างและกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ผลประกอบการย่ำแย่ ราคาหุ้นรูดในทิศทางเดียวกัน
ตลาดหุ้นปีนี้ จริงๆ แล้วไม่ได้ปรับตัวลงรุนแรงแต่อย่างใด เพียงแต่ขึ้นไม่มากเท่านั้น เนื่องจากถูกกดดันด้วยปัจจัยลบรอบด้าน ทั้งจากภายนอกและภายใน
ปีหน้าปัจจัยลบที่คุกคามตลาดหุ้นยังไม่ได้ถูกขจัดให้หมดไป ความเสี่ยงในการลงทุนจึงยังดำรงอยู่ จึงอย่าเพิ่งเทใจเชื่อบรรดากูรูหรือโหรหุ้นที่ฟันธงว่า ตลาดหุ้นพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว
เพราะที่คิดกันว่า ดัชนีหุ้นต่ำสุดแล้ว แต่ปีหน้าอาจมีโอกาสเห็นดัชนีหุ้นทรุดลงต่ำกว่าอีก