ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนงวด 9 เดือนแรกปีนี้อย่างเป็นทางการ โดยกำไรสุทธิลดลงมาก และเป็นปัจจัยลบที่ฉุดให้ตลาดหุ้นทรุดตัวลงแรง
บริษัทจดทะเบียนในตลาดจำนวน 693 บริษัท หรือ 97.1% ของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด 714 บริษัท ไม่รวมกองทุนรวม บริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนและบริษัทที่แก้ไขการดำเนินงานไม่ได้ตามกำหนด งวด 9 เดือนแรกมียอดขายรวม 8,623,725 ล้านบาท ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อน 1.3% มีกำสุทธิ 645,647 ล้านบาท ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อน 15.4%
ส่วนผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปีนี้ มียอดขายรวม 2,850,489 ล้านบาท ลดลง 6.1% และมีกำไรสุทธิ 201,347ล้านบาท ลดลง 18.3%
สำหรับบริษัทจดทะเบียนในตลาดเอ็มเอไอ งวด 9 เดือนแรกมียอดขายรวม 139,597 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.4% มีกำไรจากการดำเนินงาน 4,710 ล้านบาท ลดลง 19.2% แต่หากรวมรายการพิเศษในกลุ่มทรัพยากร จะมีกำไรสุทธิ 8,663 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69%
กำไรบริษัทจดทะเบียนที่ทรุดลง เนื่องจากผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน เศรษฐกิจโลกชะลอตัว และค่าเงินบาทที่แข็ง
ผลกำไรของบริษัทจดทะเบียน เป็นพื้นฐานสำคัญของตลาดหุ้น เพราะประมาณการเป้าหมายดัชนีหุ้นแต่ละปี จะประเมินบนความคาดหมายผลกำไรบริษัทจดทะเบียน ซึ่ง ประมาณการเป้าหมายดัชนีปีนี้ เคยถูกตั้งไว้ที่ระดับ 1,750 จุด บนสมมุติฐานกำไรบริษัทจดทะเบียนเติบโตประมาณ 10%
แต่ประมาณการเป้าหมายดัชนีหุ้นถูกปรับมาต่อเนื่อง จนล่าสุดคาดว่า สิ้นปีนี้จะปิดแถวระดับ 1,600 จุดต้น ๆ ซึ่งถ้ายืนเหนือ 1,600 จุดได้ น่าจะเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายควรพอใจ
เพราะเมื่อกำไรบริษัทจดทะเบียนทรุด จากที่คาดว่าจะเติบโต ดัชนีหุ้นจะต้องปรับตัวลงตาม โดยสิ้นปี 2561 ดัชนี ฯ ปิดที่ 1,563 จุด ถ้าผลกำไรบริษัทจดทะเบียนปีนี้ชะลอตัวลง 10% ดัชนี ฯ ก็ควรปรับตัวลง 10% หรือลงไปยืนแถวระดับ 1,400 จุด
แต่ ดัชนี ฯ ยังสามารถประคองตัวแถวระดับ 1,600 จุดได้ ซึ่งถือว่าดีมาก
ปีหน้า เริ่มมีโบรกเกอร์บางสำนักออกมาทำนายผลกำไรบริษัทจดทะเบียนแล้ว คาดว่าจะชะลอตัว 4.5% แต่กลับคาดการณ์ดัชนี ฯ จะขยับขึ้นไประดับ 1,700 จุด สวนทางกลับประมาณการผลกำไรที่ลดลง
ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนปีนี้ย่ำแย่ตาม ๆ กัน เพราะถูกผลกระทบจากปัจจัยรอบด้าน และปัจจัยลบยังดำรงอยู่ต่อในปีหน้า โดยเศรษฐกิจแทบทุกด้าน ไม่มีสัญญาณการฟื้นตัว ทั้งเศรษฐกิจโลก การส่งออก ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งขึ้นอีก ส่วนสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนอาจคุยกันไม่รู้เรื่องต่อไป
ขณะที่นักลงทุนต่างชาติ ทุกโบรกเกอร์แทบทุกสำนักฟันธงว่า ปีนี้เงินทุนจะไปกลับ แต่จะส่งท้ายปีเก่าอยู่แล้ว ต่างชาติกลับขายหุ้นไม่เลิก ปี 2561 ขายหุ้นสุทธิหอบเงินกลับบ้านไปกว่า 2.8 แสนล้านบาท ส่วนปีนี้ขายไปแล้วกว่า 3 หมื่นล้านบาท และ ไม่มีสัญญาณว่า ปีหน้าต่างชาติจะขนเงินกลับมาลุยตลาดหุ้นไทย
อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจหรือจีดีพีปีหน้า คาดว่าจะใกล้เคียงกับปีนี้ โดยโตประมาณ 2.7% ตามความคาดหมายของธนาคารกสิกรไทย และผลกำไรบริษัทจดทะเบียนคงไม่โดดเด่น ทำให้ ตลาดหุ้นขาดแรงหนุนในการฟื้นตัว
นักลงทุนรอดจากปีนี้ได้ ถือว่าบุญแล้ว แต่ถ้าไม่ระวังตัวให้ดี วางกลยุทธ์การลงทุนไม่ถูก จับจังหวะการลงทุนผิด ปีหน้าอาจไม่รอดจากการเจ็บเนื้อเจ็บตัวในตลาดหุ้น