ผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) หลายคนเคยตั้งคำถาม ทำไมนักลงทุนจึงเข้าไปซื้อขายหุ้นที่มีพฤติกรรมสร้างราคาหุ้น ทำไมนักลงทุนจึงฟังนักวิเคราะห์ที่เชียร์เล่นหุ้นรายตัว
และทำไมนักลงทุนจึงไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการลงทุน ทั้งที่เสียหายจากการตามแห่เก็งกำไรหุ้นรายตัว หรือเล่นหุ้นตามข่าวลือมาตลอดเวลากว่า 40 ปี
สิ่งที่อยากจะย้อนถามผู้บริหาร ก.ล.ต. บ้างเหมือนกันคือ ทำไม ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ จึงปล่อยให้หุ้นเน่าๆ ไร้ธรรมาภิบาลหลุดเข้ามาในตลาดหุ้น
และทำไม ก.ล.ต.จึงไม่กำกับดูแลนักวิเคราะห์หุ้น ไม่ให้มอมเมานักลงทุนจนหมกมุ่นแต่การซื้อขายเก็งกำไรระยะสั้น ทำไมไม่เตือนนักวิเคราะห์หุ้น ไม่ให้ชี้นำหรือใบ้หุ้นรายตัว
ปัญหาของตลาดหุ้นไทยที่ไม่พัฒนาไปถึงไหน ทั้งที่ก่อตั้งมากกว่า 44 ปี โดยนักลงทุนส่วนใหญ่เป็นนักเก็งกำไรระยะสั้น เที่ยววิ่งหาทีเด็ดหุ้นรายตัว เหมือนขูดหาหวยตามต้นไม้นั้น ต้นตอของปัญหาเกิดจากบริษัทโบรกเกอร์ เพราะไม่ให้คำแนะนำการลงทุนที่ดี
นักวิเคราะห์สังกัดบริษัทโบรกเกอร์หุ้นส่วนใหญ่ มักมอมเมาให้นักลงทุนเป็นนักเก็งกำไรระยะสั้น โดยเฉพาะนักวิเคราะห์ทางเทคนิค หรือนักวิเคราะห์กราฟ ซึ่งหลายคนสถาปนาตัวเองเป็นเกจิ เชียร์เก็งกำไรหุ้นรายตัวเป็นรายวันกันสนั่นหวั่นไหว
นักวิเคราะห์หรือผู้ให้คำแนะนำการลงทุนต้องผ่านการอบรมและสอบใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. ซึ่งหาก ก.ล.ต. กำหนดหลักสูตรที่ดี ปลูกฝังสำนึกความรับผิดชอบของนักวิเคราะห์หุ้น วางแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดการมอมเมาการเก็งกำไร และสร้างนักวิเคราะห์รุ่นใหม่ที่มีคุณภาพ และสามารถให้คำแนะนำการลงทุนที่ถูกต้อง ซึ่งจะช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมนักลงทุน
ไม่ใช่ก้มหน้าก้มตาซื้อขายเพื่อเก็งกำไรระยะสั้นเหมือนปัจจุบัน และ กลายเป็นเหยื่อมิจฉาชีพในตลาดหุ้น
แต่ ก.ล.ต. ไม่ได้มีมาตรการกำกับดูแลนักวิเคราะห์ที่เข้มงวด ไม่มีการตรวจสอบนักวิเคราะห์ที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายการใบ้หุ้น ชี้นำหุ้น หรือแม้แต่การมอมเมาให้นักลงทุนซื้อขายด้วยหลักโหราศาสตร์ ซึ่งผิดกฎ ก.ล.ต. และควรถูกลงโทษด้วยซ้ำ
ปัจจุบันมี สื่ออิเล็กทรอนิกส์บางสำนักพยายามสร้างจุดขายด้วยการตั้งตัวเป็นศูนย์รวมของนักวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิครุ่นหนุ่ม โดยอวดอ้างหุ้นทีเด็ด เพื่อกระตุ้นให้นักลงทุนฟังการสัมมนาหารายได้เข้าสำนัก
นักวิเคราะห์ทางเทคนิคที่เป็นแขกประจำรายการของสื่อสำนักนี้ ส่วนใหญ่คุยโม้หูดับตับไหม้ มีฉายาเฉพาะของแต่ละคน เป็นเทพบ้าง เป็นอาจารย์บ้าง
ทุกคนจะโม้ว่า วิเคราะห์หุ้นได้แม่น บางคนแนะนำหุ้นบางตัว ระบุราคาให้ซื้อ โดยเคยแนะนำให้ซื้อหุ้นบางตัวที่ 5.20 บาท อ้างสัญญาณทางเทคนิคชี้ว่า ราคาจะพุ่งขึ้น แต่ถ้าราคาหลุด 5 บาทให้ขายทิ้ง หลังจากแนะนำให้ซื้อหุ้นตัวนี้ไม่กี่ชั่วโมง ราคาหุ้นดิ่งลงต่ำกว่า 5 บาท ซึ่งตามคำแนะนำต้องตัดขาดทุนขายทิ้ง
แต่หลังจากนั้น 2 วัน หุ้นตัวนี้ราคากระเตื้องขึ้น และกลับมายืนเหนือ 5.60 บาท นักวิเคราะห์ขี้โม้รายนี้อวดอ้างทันทีว่า เคยแนะนำให้นักลงทุนซื้อแล้วเมื่อ 2 วันก่อน
นักวิเคราะห์ที่เวียนออกรายการของสื่ออิเล็กทรอนิกส์สำนักนี้บางคนจะทำหน้าที่หาลูกค้าให้สำนักสื่อที่จัดสัมมนาเรื่องหุ้น โดยอวดโม้ว่า ใครที่เข้าร่วมฟังสัมมนาจะมีหุ้นเด็ด และสามารถทำกำไรได้คุ้มค่าสัมมนา ซึ่งน่าตั้งคำถามว่า ถ้านักวิเคราะห์ขี้โม้พวกนี้เก่งจริง แม่นจริง รู้ว่าหุ้นตัวไหนจะขึ้นจริง ทำไมต้องมาทำงานกินเงินเดือนประจำ ทำไมไม่นอนอยู่กับบ้าน เล่นหุ้นเอง
นักวิเคราะห์บางคนมีฉายาเป็นเทพ เชียร์หุ้นโดยนำดวงดาวเข้ามาประกอบการตัดสินใจ หุ้นบางตัวแนะนำให้หลีกเลี่ยงลงทุน เพราะมีดวงดาวเข้ามาแทรก นอกจากนั้น ยังกำหนดด้วยว่า หุ้นตัวใด วันไหนซื้อได้หรือซื้อไม่ได้ โดยใช้หลักโหราศาสตร์เป็นตัวกำหนด
นักวิเคราะห์ขี้โม้ที่ชี้นำหุ้น ใบหุ้น หรือใช้โหราศาสตร์มาแนะนำหุ้นเหล่านี้ มีสังกัดเป็นหลักแหล่งในบริษัทโบรกเกอร์ แต่ถูกสำนักสื่อเชิดขึ้นมาเพื่อใช้เป็นตัวดึงดูดลูกค้า จึงเปิดเวทีให้โม้กันเต็มที่
ถามว่านักวิเคราะห์ขี้โม้ วัยเด็กๆ ประสบการณ์ไม่มาก ตั้งตัวเป็นกูรูชั้นนำ ทำไมนักลงทุนจึงเชื่อถือ คงต้องตั้งคำถามว่า ทำไมแชร์แม่มณี ซึ่งให้ผลตอบแทนเดือนละ 93% และรู้ทั้งรู้กันว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ทำไมจึงมีคนนับพันขนเงินไปลงทุนด้วย
แม่มณีที่ตั้งแชร์ลูกโซ่ ชูผลตอบแทนลงทุนเดือนละ 93% ใช้ความโลภเป็นกลไกในการหลอกลวง จึงไม่แตกต่างจากสำนักข่าวที่เป็นศูนย์รวมของนักวิเคราะห์ขี้โม้ใบหุ้นและชี้นำหุ้นแต่อย่างใด
ก.ล.ต.เคยใส่ใจติดตามตรวจสอบพฤติกรรมขอนักวิเคราะห์ขี้โม้เหล่านี้หรือไม่ เคยเรียกมาตักเตือนถึงพฤติกรรมบ้างหรือเปล่า
ถ้า ก.ล.ต.ยังปล่อยให้นักวิเคราะห์ขี้โม้ เที่ยวชี้นำหรือใบ้หุ้น มอมเมาให้นักลงทุนหมกมุ่นแต่การเก็งกำไรระยะสั้นต่อไป อย่าหวังว่า ตลาดหุ้นไทยจะพัฒนาไปสู่คุณภาพอย่างยั่งยืน
เพราะตลาดหุ้นจะเป็นได้แค่ แหล่งซ่องสุมของคนที่ทำมาหากินบนความโลภเท่านั้น