หุ้น บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PACE กำลังสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในตลาดหุ้น โดยราคาหุ้นพุ่งขึ้นติดเพดาน 30% อย่างต่อเนื่องยาวนานที่สุด นับตั้งแต่ตลาดหลักทรัพย์ปรับเพดานการขึ้นและลงของราคาหุ้นจาก 10% เป็น 30% เมื่อปี 2534
หลังจากประกาศผิดนัดชำระหนี้ ธนาคารไทยพาณิชย์ วงเงิน 2,645 ล้านบาท และมีผลให้เกิดการผิดนัดมูลหนี้อื่นอีก 9,227 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา หุ้น PACE ถูกถล่มขายอย่างหนัก จนราคาทรุดลงต่ำสุดที่ 2 สตางค์ ระหว่างชั่วโมงซื้อขายวันที่ 30 ตุลาคม ก่อนขยับขึ้นมาปิดที่ 3 สตางค์
แต่หลังจากนั้น ราคาขยับขึ้นชนเพดาน 30% อย่างต่อเนื่อง 6 วันทำการ จนเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ราคาขยับขึ้นมายืนที่ 11 สตางค์
จากราคาต่ำสุด 2 สตางค์ ดีดตัวขึ้นมาปิดที่ 11 สตางค์ โดยช่วง 7 วันทำการ เพิ่มขึ้น 9 สตางค์ หรือเพิ่มขึ้น 450%
ราคาหุ้น PACE ที่ 11 สตางค์ เป็นราคาที่สูงกว่า ก่อนประกาศข่าวร้ายการผิดนัดชำระหนี้ธนาคารไทยพาณิชย์เสียอีก เพราะเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ก่อนประกาศข่าวผิดนัดชำระหนี้ 1 วันทำการ ราคาหุ้นปิดที่ 8 สตางค์
ข่าวดีของ PACE ไม่มีอะไรมากนัก นอกจาก การรายงานความคืบหน้าการแก้ปัญหาผิดนัดชำระหนี้ โดยเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน รายงานการขอผ่อนผันและขยายเวลาชำระหนี้ธนาคารไทยพาณิชย์ จากวันที่ 4 พฤศจิกายน เป็นวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้
และวันที่ 7 พฤศจิกายน รายงานผลการประชุมเจ้าหนี้หุ้นกู้วงเงิน 1,219 ล้านบาท โดยผู้ถือหุ้นกู้อนุมัติ ขยายเวลาการชำระหนี้ออกไปอีก 3 ปี จากครบกำหนดชำระวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2563 เป็น 23 กุมภาพันธ์ 2566
อนาคตของ PACE ไม่มีใครตอบได้ หนี้จำนวนกว่า 10,000 ล้านบาท ไม่รู้ว่าจะสะสางได้หรือไม่ เพราะผลประกอบการยังขาดทุนหนัก หุ้นจึงอยู่ในสภาพที่ไร้ทิศทาง
ราคาหุ้น PACE อาจลงมาลึกมาก เมื่อเทียบกับราคาที่เคยขยับขึ้นสูงสุดกว่า 4 บาท หรือเทียบจากราคาหุ้นที่เสนอขายนักลงทุน 3.50 บาท ก่อนนำหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2556
แต่ราคาที่ร่วงเหลือ 2 สตางค์ เป็นการซึมซับ รับข่าวฐานะทางการเงินและผลการดำเนินงานที่ย่ำแย่ของบริษัท จนไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด ทำให้นักลงทุนกังวลต่อการดำรงอยู่ของกิจการ และพากันเทขายหุ้นทิ้ง
ราคาหุ้นที่ดีดกลับขึ้นมาแรงเกิดจากการเก็งกำไร ข่าวการขยายเวลาชำระหนี้ การเจรจาขอปรับโครงสร้างหนี้ และอาจเป็นการเก็งกำไร เนื่องจากราคาหุ้นดิ่งลงสู่ก้นเหว โดยนักลงทุนอาจมองว่า สะท้อนรับข่าวร้ายหมดแล้ว จึงมีโอกาสดีดตัวกลับ
แต่ราคาหุ้น PACE ที่เหมาะสมควรจะเป็นเท่าไหร่ ไม่มีนักวิเคราะห์สำนักไหนประเมินได้ ราคาที่ทะยานขึ้นมายืน 11 สตางค์ จึงไม่มีปัจจัยสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรม และเป็นราคาที่เกิดจากการเก็งกำไร
อย่างไรก็ตาม แม้ราคาหุ้น PACE จะพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง ชนเพดานสูงสุด 30% ต่อเนื่อง 6 วันทำการ แต่มูลค่าการซื้อขายไม่มากนัก เฉลี่ยวันละไม่กี่ล้านบาท ซึ่งหากราคาหุ้นเกิดความพลิกผัน ความเสียหายของนักลงทุนจะเกิดขึ้นในวงจำกัด
แต่ถ้าราคาหุ้นยังร้อนแรงต่อเนื่อง มูลค่าการซื้อขายเติบโตมากขึ้น วงของนักเก็งกำไรขยายกว้างขึ้น ถ้าราคาหุ้นเกิดทรุดลงมาอีกครั้ง จะมีนักลงทุนจำนวนมากต้องสังเวยหุ้นตัวนี้ซ้ำสอง
เสียงเตือนการเก็งกำไรหุ้น PACE เริ่มดังขึ้นแล้ว เพราะราคาที่พุ่งขึ้นชนเพดาน 6 วันทำการ ทำให้หุ้นตัวนี้มีความเสี่ยงสูง และต้องสะกิดเตือนกันไว้บ้าง
เพราะหากปล่อยให้เก็งกำไรกันเลยเถิด ลุยซื้อขายอย่างลืมเป็นลืมตาย เดี๋ยวก็พลาดท่าเจ็บกันอีก หลังจาก PACE ทำเจ็บมาแล้วตลอด 6 ปี
