xs
xsm
sm
md
lg

หาพันธมิตรหนุน-แปลงหนี้เป็นทุน-ยื่นล้มละลาย??

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ไม่ว่าจะอย่างไร เมื่อถึงเวลาของการขีดเส้นตายหรือเดดไลน์ในการต้องจ่ายชำระคืนหนี้สิน บทสรุปสุดท้ายบอร์ดบริหารก็ต้องร่วมกันหาแนวทางเพื่อให้อยู่รอด เพราะมีทางเลือกให้เลือกอยู่หลายทางสำหรับ PACE

“ต่อศักดิ์ วยากรณ์วิจิตร” ผู้จัดการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ PACE กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวผู้บริหารไม่ได้นิ่งนอนใจและไม่อยากให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้ขึ้น จึงได้เจรจากับธนาคารไทยพาณิชย์ในการปรับโครงสร้างหนี้มาโดยตลอดตั้งแต่กลางปี 2562 แต่ผลการหาแนวทางร่วมกันอย่างเป็นทางการต้องรอลุ้นว่าก่อนกำหนดเส้นตายวันที่ 4 พ.ย.นี้จะมีแนวทางอะไรออกมาเพิ่มเติมหรือไม่

ทั้งนี้ ผู้บริหาร PACE ยอมรับว่ามีอยู่หลายแนวทาง เช่น การหาพันธมิตรหรือผู้ร่วมทุนรายใหม่เข้ามาช่วยชำระหนี้ หรืออาจมีการแปลงหนี้เป็นทุน รวมถึงไม่ปิดกั้นแนวทางการยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางขอฟื้นฟูกิจการ ซึ่งเบื้องต้นมองว่ามีโอกาสความเป็นไปได้หมดทุกแนวทาง แต่ก็ขึ้นอยู่ที่ทางเจ้าหนี้ใหญ่อย่าง “ไทยพาณิชย์” เป็นผู้พิจารณา ขณะที่ทางฝั่งผู้บริหารบริษัทมีความมั่นใจว่าจะสำเร็จ เพราะมูลหนี้ที่มีกับทางธนาคารไทยพาณิชย์นั้นมีหลักทรัพย์ค้ำประกันทั้งหมด

นอกจากนี้ ในส่วนโครงการใหม่ทั้ง 3 แห่งของบริษัทที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ได้แก่ โครงการนิมิตหลังสวน, โครงการวินด์เชลล์นราธิวาส และโครงการมหาสมุทร นั้นมีมูลค่ารวมกันราว 14,000 ล้านบาท และเมื่อรวมถึง แผนจะนำบริษัท ดีน แอนด์ เดลูก้า เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเข้าระดมทุนในตลาดหุ้น โดยคาดว่าจะยื่นไฟลิ่งได้ภายในปี 2564 นั้นจะทำให้ PACE ดูมีศักยภาพมากขึ้นโดยเฉพาะในด้านสินทรัพย์ แต่บางส่วนก็เชื่อว่าอาจไม่เป็นไปตามแผนที่บริษัทคาดหวัง เพราะบริษัทเคยได้รับเงินก้อนโตจากการขายสินทรัพย์มาแล้ว และครั้งนั้นหากตัดสินใจนำเงินที่ได้รับไปชำระหนี้คงไม่เกิดปัญหาเหมือนเช่นตอนนี้

เหตุการณ์ที่ว่านั้นคือ การแจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่าได้จำหน่ายสินทรัพย์โครงการมหานคร มูลค่ารวม 14,000 ล้านบาท ให้แก่ บริษัท คิง เพาเวอร์ มหานคร จำกัด ประกอบด้วย ที่ดิน โรงแรม อาคารจุดชมวิว อาคารรีเทลคิวบ์ ภาพวาด ใบอนุญาตต่างๆ รวมถึงสัญญาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการประกอบธุรกิจของบริษัทย่อย ซึ่งหลังจากการขาย PACE จะเหลือธุรกิจอสังหาฯ ที่เป็นเจ้าของอีก 4 โครงการ และร้านอาหารดีน แอนด์ เดลูก้า

แต่ต่อมาที่ประชุมบอร์ดยังอนุมัติให้เข้าซื้อหุ้นที่อพอลโล เอเชีย สปริ้นท์ คอมปานี ลิมิเต็ด (อพอลโล) และโกลด์แมน แซคส์ อินเวสเมนท์ส โฮลดิ้งส์ (เอเชีย) ลิมิเต็ด (โกลด์แมน) ถืออยู่ในเพซ โปรเจ็ค วัน (PP1) และเพซ โปรเจ็ค ทรี (PP3) จำนวน 49% และ 48.72% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดตามลำดับ โดยทั้งหมดรวมเป็นเงินจำนวนไม่เกิน 320 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือไม่เกิน 10,000 ล้านบาท

อีกทั้งบริษัทจะนำกระแสเงินสดที่ได้จากธุรกรรมในครั้งนั้น รวมกับกระแสเงินสดจากการขายหุ้นเพิ่มทุนที่สำเร็จเมื่อ ก.พ. 61 มูลค่า 3,894 ล้านบาท มาลดหนี้ เพื่อส่งผลให้สถานะทางการเงินของบริษัทแข็งแรงขึ้น และเพื่อให้มีสภาพคล่องที่จะนำมาต่อยอดพัฒนาธุรกิจที่มีอยู่ให้สามารถเติบโตได้ต่อไป

ทั้งที่ก่อน PACE เคยระบุว่าโครงการมหานครเป็นโครงการที่บริษัทฯ พัฒนาขึ้นโดยมีเป้าหมายที่จะจำหน่ายเข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ภายหลังการก่อสร้างเสร็จสิ้น ดังนั้น การจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สินในคราวนี้ทำให้บริษัทฯ ได้รับกระแสเงินสดเร็วกว่ากำหนด

สิ่งที่หลายฝ่ายกังวลคือ ที่บริษัทเตรียมซื้อหุ้น PP1 และ PP3 คืนด้วยวงเงินถึง 10,000 ล้านบาท ทำให้เหลือเงินประมาณ 4,000 ล้านบาท แม้จะนำไปรวมกับเงินเพิ่มทุนในช่วงเวลาดังกล่าวก็ดูเหมือนจะไม่เพียงพอต่อหนี้ที่ต้องชำระภายใน 1 ปีซึ่งมากถึง 14,500 ล้านบาท นั่นทำให้การดำเนินงานของ PACE ยังมีเรื่องที่ต้องติดตามต้องลุ้นอีกหลายเรื่อง ซึ่งปัจจุบันเรื่องเกิดขึ้นนี้ก็ทำให้หลายคนคิดถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้นขึ้นมา ด้วยเพราะตัวเลขหนี้สินรวมของบริษัทขณะนี้มีมากกว่า 20,000 ล้านบาท และบริษัทยังจำเป็นต้องใช้เงินทุนในการเดินหน้าโครงการก่อสร้างในมือซึ่งล้วนเป็นโครงการขนาดใหญ่

ขณะที่ธุรกิจร้านอาหารดีน แอนด์ เดลูก้า ที่หมายมั่นจะนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นก็ไม่สามารถเข้ามาช่วยได้เนื่องจากที่ผ่านมายังขาดทุนอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้น โดยรวมหลายฝ่ายเชื่อว่า PACE ยังต้องเผชิญวิกฤตอีกมาก ไล่ตั้งแต่การเจรจากับสถาบันการเงินเจ้าหนี้ที่รอบนี้อาจไม่บรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้ และท้ายสุดทางออกของเรื่องดังกล่าวอาจไม่ส่งผลดีต่อบริษัท

อีกทั้งบริษัทอาจต้องแสวงหาเม็ดเงินใหม่เข้ามาลงทุนเพื่อเดินหน้าโครงการในมือซึ่งการผิดนัดชำระอาจทำให้เรื่องดังกล่าวมีอุปสรรค รวมถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งสถาบันและรายย่อยต่อบริษัทลูก “ดีน แอนด์ เดลูก้า” ซึ่งมีแผนจะนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นอาจจะไม่เป็นไปดังใจหวัง

เพราะขนาดบริษัทแม่ยังร่อแร่จนแทบมองหาแสงสว่างไม่เจอ จึงทำได้เพียงลุ้นเอาใจช่วย ขอให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ดีด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น