แพรนด้า จิวเวลรี่ แพ้คดีการประเมินภาษีของกรมสรรพากร หลังศาลมีคำพิพากษาเป็นที่สุดแล้ว ส่งผลให้บริษัทต้องนำเงินภาษีและเงินเพิ่มไปชำระแก่กรมสรรพากรจำนวนประมาณ 21 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ ได้บันทึกค่าใช้จ่ายแล้ว พร้อมยกเลิกกิจการของบริษัทย่อย " Pranda Guangzhou Co., Ltd."ในจีน ตั้งแต่ 26 มิ.ย.61
นายชนัตถ์ สรไกรกิติกูล ประธานกรรมการการเงินและบริหารความเสี่ยงบริษัท แพรนด้า จิวเวลรี่ จำกัด (มหาชน)หรือ PDJ เปิดเผยเกี่ยวกับคดีฟ้องร้องในปี 2555 บริษัทฯได้รับหนังสือจากกรมสรรพากรแจ้งประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคลรวมเงินเพิ่ม สำหรับปี 2547 - 2549 และ 2551 - 2553 เป็นจำนวนเงินรวมประมาณ 18 ล้านบาท อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ได้ยื่นคำอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เพื่อขอยกเลิกการประเมินดังกล่าวของกรมสรรพากร ซึ่งในเดือนพฤศจิกายน 2557 คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์ที่คัดค้านการประเมินของเจ้าพนักงาน โดยให้บริษัทฯนำเงินภาษีและเงินเพิ่มไปชำระแก่กรมสรรพากร
ดังนั้น เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2557 บรษิ ทัฯได้ยื่้นฟ้องคดีต่อศาลภาษีอากรกลางเพื่อขอให้เพิกถอนการประเมินภาษีดังกล่าวของกรมสรรพากรเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2558 ศาลภาษีอากรกลางได้มีคำพิพากษาให้บริษัทฯชนะคดีดังกล่าวและให้เพิกถอนการประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคลดังกล่าวของกรมสรรพากร และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2559 กรมสรรพากรได้ยื่นอุทธรณ์คดีไปยังศาลฎีกาแผนกภาษีอากร และต่อมาเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2559 บริษัทฯ ได้ยื่นแก้อุทธรณ์ต่อศาลฎีกาสรุปคำพิพากษาศาลฎีกา เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2561
โดยผลคำพิพากษาศาลฎีกากรณีการประเมินภาษีโดยกรมสรรพากร ซึ่งบริษัทฯ ได้รับแจ้งจากสำนักงานกฎหมายสำหรับผลการตัดสินศาลฎีกามีคำพิพากษาเป็นที่สุดแล้ว เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2561 ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาให้กรมสรรพากรชนะคดีดังกล่าว และให้บริษัทฯ นำเงินภาษีและเงินเพิ่มไปชำระแก่กรมสรรพากรจำนวนประมาณ 21 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ ได้บันทึกค่าใช้จ่ายสำหรับการประเมินภาษีดังกล่าวไว้ในบัญชีสำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2561 แล้ว
พร้อมกับ แจ้งว่าบริษัทได้รับแจ้งจากสำนักงานกฎหมายในการดำเนินการจดทะเบียนเลิกกิจการของบริษัทย่อยในประเทศจีนชื่อ Guangzhou PangdaZhubao Shushi Youxian Gongsi หรือ Pranda Guangzhou Co., Ltd. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยปิดดำเนินการในวันที่ 26 มิถุนายน 2561 ซึ่งเป็นการดำเนิการตามมติคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่26 กันยายน 2556 และได้แจ้งสารสนเทศต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2556