แสงฟ้าก่อสร้าง สยายปีกเป็นผู้ประกอบการเต็มตัว ประเดิมโครงการแรก ยู ศรีราชา มูลค่า 1,750 ล้านบาท หลังเทกโอเวอร์จากณุศาศิริ ชี้อสังหาฯ ศรีราชาอนาคตสดใส ความต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่ม หลังรัฐหนุนอีอีซี คาดเกิดการจ้างใหม่ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคน
นพ. เชิดศักดิ์ อัมพรสุขสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสงฟ้าก่อสร้าง จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้างอาคารสูง เปิดเผยว่า จากการที่ภาครัฐเดินหน้าโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม จะทำให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่ 3 จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคน แม้ว่าขณะนี้จะยังไม่เห็นการลงทุนจำนวนมาก แต่หลายบริษัทข้ามชาติมีแผนที่จะเข้ามาลงทุนหลังจากที่โครงการมีความชัดเจนในเรื่องเขตการส่งเสริม กฎหมายรองรับ ซึ่งจะส่งผลดีกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่จะเติบโตมากขึ้น ทั้งในด้านของที่อยู่อาศัย และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ
สำหรับบริษัทแสงฟ้า มีความเชี่ยวชาญในด้านงานก่อสร้างอาคารทั้งคอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน โรงแรม และอื่นๆ เนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้างมาถึง 49 ปี คลุกคลีอยู่กับโครงการที่อยู่อาศัยมาโดยตลอด จึงมีแนวความคิดที่จะเข้ามาลงทุนพัฒนา แต่เนื่องจากไม่ต้องการมีความเสี่ยงจากการลงทุนมาก จึงเน้นการร่วมทุนพัฒนาโครงการเป็นส่วนใหญ่ โดยก่อนหน้านี้ได้ร่วมลงทุนพัฒนาโครงการสปริงส์ ทาวน์เวอร์ มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท โดยร่วมกับบริษัท ไอร่า แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (AIRA) ถือหุ้น 60% บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 25% และแสงฟ้าก่อสร้าง ถือหุ้น 15% นอกจากนี้ยังร่วมกับบริษัท เดอะ ครีเอเตร์อส เอชคิว พัฒนาโครงการคอนเนอร์ ราชเทวี คอนโดมิเนียมหรู มูลค่าโครงการ 3,200 ล้านบาท โดยแสงฟ้าถือหุ้น 30% และโครงการ ซี เอกมัย โดยรวมกับบริษัท เดอะช้อยส์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด โดยแสงฟ้าถือหุ้น 30%
ล่าสุด บริษัทได้เข้าร่วมทุนกับกลุ่มบริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) โดยถือหุ้นในบริษัท ณุศา ศรีราชา คอนโดเทล ในสัดส่วน 50% เมื่อประมาณปี 2560 เพื่อพัฒนาโครงการณุศา ศรีราชา หลังจากนั้น แสงฟ้า ได้ถือหุ้นเพิ่มเป็น 60% และให้กลุ่มแสงฟ้าเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการดังกล่าว แต่ปรากฏว่า ช่วงต้นปี 2561 ทางกลุ่มณุศาศิริ ได้ขายหุ้นที่เหลือ 40% ให้กับกลุ่มแสงฟ้าก่อสร้าง เป็นมูลค่า 132 ล้านบาท รวมเป็นลงทุนทั้งหมดของบริษัทประมาณ 350 ล้านบาท ทำให้บริษัทกลายเป็นเจ้าของโครงการ 100% ถือเป็นผู้ประกอบการอสังหาฯ เต็มตัว และได้เปลี่ยนชื่อบริษัท ณุศา ศรีราชา คอนโดเทล เป็นบริษัท เอสเอฟซี เวนเจอร์ ศรีราชา แทน ด้วยทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 315 ล้านบาท
พร้อมกันนี้ บริษัทได้เดินหน้าลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยแบ่งที่ดินออกมา 5.5 ไร่ จากทั้งหมด 11 ไร่ พัฒนาโครงการ ยู หรือ Yuu เป็นภาษาญี่ปุ่น แปลว่า สง่างาม เหนือระดับ ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมสูง 29 ชั้น จำนวน 285 ยูนิต พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 33.50-71.50 ตารางเมตร ราคาขายเริ่มต้นที่ 3.7-9 ล้านบาท หรือราคาเฉลี่ย 1.3 แสนบาทต่อตารางเมตร มูลค่าโครงการ 1,750 ล้านบาท โดยจะเริ่มเปิดพรีเซลส์ในวันที่ 18-19 สิงหาคม 2561 ซึ่งได้มอบหมายให้บริษัท เอ็ดมัน ไทน์ จำกัด เป็นผู้บริหารงานงาน โดยลูกค้าที่มาจองในช่วงพรีเซลส์จะได้รับสิทธิพิเศษส่วนลดเงินสดสูงสุด มูลค่ากว่า 900,000 บาท และลุ้นรับสิทธิซื้อห้องในราคาสุดพิเศษ 99,999 บาทต่อตารางเมตร
เดิมกลุ่มณุศาศิริ ได้เปิดพรีเซลส์ โครงการณุศา ศรีราชา ไปเมื่อปี 2558 มีลูกค้าซื้อไปแล้ว 120 ราย และได้ขอเจรจาคืนเงินจองและเงินทำสัญญาไป 70 ราย ส่วนอีก 50 รายยังยืนยันที่จะผ่อนดาวน์ต่อ นอกจากนี้ยังมีนักลงทุนชาวจีนเจรจาขอซื้อยกชั้นอีก 2 ชั้น จำนวน 24 ยูนิต คาดว่าจะสามารถปิดการขายทั้งโครงการได้ก่อนที่โครงการจะก่อสร้างแล้วเสร็จในไตรมาส 3/2562 อย่างแน่นอน
สำหรับที่ดินในส่วนที่เหลืออีก 2 ไร่กว่าบริษัทมีแผนที่จะพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมเช่นกัน โดยคาดว่าจะมีจำนวนไม่เกิน 300 ยูนิต โดยคาดว่า ราคาขายจะสูงกว่างโครงการยู เนื่องจากติดทะเล ขณะนี้อยู่ระหว่างยื่นขอ EIA ซึ่งเชื่อว่าจะผ่านการอนุมัติภายในสิ้นปีนี้ และมีแผนที่จะเปิดขายในปี 2562
“เรามั่นใจว่า โครงการนี้จะขายได้ด้วยตัวเอง เพราะที่ตั้งโครงการมีศักยภาพ และอีกหนึ่งปัจจัยเสริมที่สำคัญก็คือโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่รัฐบาลส่งเสริมและผลักดันให้เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุค Thailand 4.0 ที่เราเห็นความเคลื่อนไหว และความชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เรายิ่งมั่นใจในการตัดสินใจลงทุนครั้งนี้ เพราะศรีราชา ถือว่าเป็นเมืองที่มีความพร้อมในการรองรับนักลงทุน เชื่อว่าเมื่อ EEC มีความชัดเจนมากขึ้น ก็จะสามารถดึงคนเข้ามาทำงานในพื้นที่และอยู่อาศัยในศรีราชา ได้ถึง 10 ล้านคน” นพ. เชิดศักดิ์ กล่าว
นพ. เชิดศักดิ์ กล่าวต่อว่า ลูกค้าที่ซื้อโครงการ “Yuu ศรีราชา” นั้น ต่างมองถึงมูลค่าที่จะสามารถเพิ่มขึ้นในอนาคต เนื่องจากหลังรัฐบาลประกาศสนับสนุน EEC แล้ว ส่งผลให้ราคาที่ดินติดถนนสุขุมวิทในย่านศรีราชา มีราคาสูงถึง 100 ล้านบาทต่อไร่ขึ้นไป ซึ่งโครงการ “Yuu ศรีราชา” เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ เชื่อว่าจะสามารถปล่อยเช่าห้องขนาด 40 ตารางเมตร ในราคาไม่ต่ำกว่า 20,000-40,000 บาทต่อเดือน โดยเจ้าของห้องชุดจะได้รับผลตอบแทน 6-7% ต่อปี
“เราไม่ได้มองตัวเองเป็นดีเวลลอปเปอร์ เพราะธุรกิจหลักของเรายังคือรับเหมาก่อสร้าง แต่เมื่อมีโอกาสและมีช่องทางในการลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ก็ไม่มีข้อจำกัด และพร้อมที่จะเข้าไปลงทุน โดยก่อนหน้านี้ แสงฟ้าฯ ก็ได้ร่วมทุนพัฒนาอาคารสำนักงาน และคอนโดฯ มาแล้ว 3 โครงการ แต่นับจากนี้ไปหากจะมีการพัฒนาโครงการเอง หรือไปร่วมทุนพัฒนาโครงการกับผู้ประกอบการรายอื่นก็จะเข้าไปถือหุ้นโดยบริษัท เอสเอฟซี เวนเจอร์ ศรีราชา จำกัด” นพ. เชิดศักดิ์ กล่าว
ด้านนายอนุศักดิ์ อัมพรสุขสกุล ประธานกรรมการ บริษัท เอสเอฟซี เวนเจอร์ ศรีราชา จำกัด กล่าวว่า โครงการ “Yuu ศรีราชา” นั้นมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายหลัก 3 กลุ่ม ได้แก่ คือ 1. กลุ่มผู้ที่สนใจซื้อไว้เพื่ออยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นคนกรุงเทพฯ ที่ต้องการซื้อเก็บไว้เพื่อเป็นบ้านพักตากอากาศหลังที่สอง เพราะใช้เวลาขับรถเพียงแค่ 1 ชั่วโมง จากกรุงเทพฯ ด้วยการคมนาคมที่สะดวกสบาย หรือจะเป็นคนท้องถิ่นที่ต้องการขยายครอบครัว ซึ่งถือเป็นกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูงเช่นกัน เนื่องจากศรีราชา เป็นเมืองเศรษฐกิจที่มีการขยายตัวสูงมากส่วน 2. กลุ่มผู้ที่สนใจในการลงทุนซื้อเพื่อปล่อยเช่า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนกรุงเทพฯ ที่สนใจลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างรายได้ และ 3. กลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่สนใจจะซื้อไว้เพื่อลงทุน หรือใช้ชีวิตในวัยเกษียณ
“นอกจากนี้ อีกหนึ่งในจุดขายของโครงการดังกล่าว คือ รับประกันหลังการขาย 5 ปี ในส่วนที่เป็นโครงสร้างอาคาร ระบบไฟฟ้า ประปา รวมไปถึงชุดตกแต่งภายในที่มากับห้องชุด เมื่อเทียบกับโครงการอื่นๆ ทั่วไปในท้องตลาดที่รับประกันหลังการขายเพียง 1-2 ปี ซึ่งเราคาดว่าน่าจะทำให้ลูกค้าพึงพอใจ และตัดสินใจง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเพื่ออยู่อาศัยเอง หรือเพื่อลงทุนปล่อยเช่า” นายอนุศักดิ์ กล่าว