แบงก์มั่นใจอสังหาฯ โต 7-10% ปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจ รถไฟฟ้าเส้นทางใหม่หนุนความต้องการซื้อบ้านเพิ่ม คาดทั้งปีสินเชื่อบ้านปล่อยใหม่ 7 แสนล้าน ระบุแนวโน้มครึ่งปีหลังดอกเบี้ยช่วงขาขึ้น ล่าสุด ส.สินเชื่อ ที่อยู่อาศัยผนึกโฮมบายเออร์ไกด์ประกาศจัดงาน “อภิมหกรรมบ้าน-คอนโดฯ และสินเชื่อแห่งปี 2018”
นายกิตติ พัฒนพงศ์พิบูล ประธานสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้มีแนวโน้มเติบโตขึ้นมาก หรือโตประมาณ 7-10% จากปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากเงินเฟ้อของไทยยังอยู่ในอัตราต่ำ หรือไม่เกิน 2% และประเมินว่าจะเป็นอัตรานี้ไปอีกระยะเวลาพอสมควร และมีผลทำให้โอกาสที่อัตราดอกเบี้ยโอกาสจะปรับขึ้นมีน้อยลง หรือหากจะปรับขึ้นก็จะขึ้นน้อยมาก ซึ่งยังทำให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น หรือได้วงเงินกู้มากขึ้น นอกจากนี้ การขยายเส้นทางใหม่ๆ ของรถไฟฟ้า และระบบแมสทราซิส ซึ่งจะทำให้เกิดการพัฒนาโครงการต่างๆ หรือกระจายความเจริญไปยังเส้นทางใหม่ๆ ทำให้เกิดความต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น
“ตลาดอสังหาฯ จะโตในทุกเซกเมนต์ โดยตลาดกลาง-บน จะเติบโตจากการลงทุนของภาคเอกชน ขณะที่ตลาดล่างจะได้รับการผลักดันจากภาครัฐผ่านโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อผู้มีรายได้น้อย” นายกิตติ กล่าว
ขณะที่ภาพรวมการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยมีทิศทางการเติบโตที่ดีมาก โดยคาดว่าจะขยายตัวมากกว่า 7% จากที่ปี 2560 ขยายตัว 6.8% ทั้งปี คาดว่าสินเชื่อที่อยู่อาศัยปล่อยใหม่มีจำนวน 7 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 60 ที่มีจำนวน 6.3 แสนล้านบาท ส่งผลให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยสะสมมีจำนวน 3.7 ล้านล้านบาท
สำหรับกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ออกมาเตือนสถาบันการเงินให้มีความระมัดระวังในการปล่อยเชื่อ ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ ธปท. ออกมาเตือนระมัดระวังปัญหา NPL ซึ่งที่ผ่านมา สมาคมฯได้มีการหารือร่วมกับธนาคารสมาชิกให้มีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่ออยู่แล้ว แต่ยอมรับ มีบางธนาคารที่มีโหมปล่อยสินเชื่อเพื่อแย่งส่วนแบ่งตลาด ส่วนการปฏิเสธสินเชื่อของสถาบันการเงินมองว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะการที่ถูกปฏิเสธแสดงว่า ผู้กู้มีความเสี่ยงในการเกิดหนี้ NPL ควรต้องป้องกันไว้ก่อน
ส่วนปัญหาผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ที่ไม่มีหลักฐานการเงินที่จะกู้ธนาคารได้ ล่าสุด คณะกรรมการนโยบายที่อยู่อาศัยแห่งสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เสนอแนวทางช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยให้สามารถซื้อที่อยู่อาศัยได้ ด้วยการขอให้นำเงินกองทุนที่อยู่อาศัย ซึ่งการเคหะแห่งชาติ ได้เสนอให้ตั้งกองทุนขึ้นมา โดยให้นำเงินกองทุนนี้มาส่งเสริมการออมสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย ซึ่งโดยปกติ คนทั่วไปถ้าไม่มีเป้าหมาย ประกอบกับพฤติกรรมคนไทยไม่ค่อยออมเงินเป็นระยะเวลานาน ก่อนที่จะกู้เงิน ทำให้ส่วนหนึ่งมักจะกู้ไม่ผ่าน ดังนั้น กองทุนนี้จะสนับสนุนให้ออมก่อนกู้เป็นระยะเวลา 2-3 ปี เพื่อพิสูจณ์ให้ธนาคารเห็นว่าสามารถผ่อนชำระเงินกู้ได้ เมื่อเป็นเช่นนั้น ธนาคารจะสามารถปล่อยกู้ได้โดยง่าย โดยที่กองทุนที่อยู่อาศัย จะให้แรงจูงใจในรูปของเงินสนับสนุน หรือเซฟวิ่งโบนัส โดยผู้มีรายได้น้อยจะได้ 2 อย่าง คือ ได้เงินดาวน์มากขึ้น ทำให้สามารถกู้เงินน้อยลง และอีกอย่าง คือ สามารถพิสูจน์ตัวเองกับธนาคารว่าจะสามารถผ่อนชำระเงินกู้ได้ ซึ่งขณะนี้ได้เสนอแนวทางดังกล่าวให้กับอนุกรรมการการเงินที่อยู่อาศัย ซึ่งอยู่ภายใต้ คณะกรรมการนโยบายที่อยู่อาศัยแห่งสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้คณะกรรมการพิจารณา คาดหวังที่จะได้ข้อสรุปภายในปีนี้
กสิกร ชี้อนาคตแบงก์คิดดอกเบี้ยรายบุคคล
ด้านนายอลงกต บุญมาสุข ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโสฝ่ายบริหารพันธมิตรและส่งเสริมการตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัย ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า ธนาคารยังมั่นใจเป้าหมายสินเชื่อบ้านของธนาคารในปีนี้ยังเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ คือ โต 6-7% ทั้งสินเชื่อคงค้าง และสินเชื่อใหม่ โดยที่ธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อบ้านปล่อยใหม่ในปีนี้อยู่ที่ 6.4 หมื่นล้านบาท ส่วนครึ่งปีแรกการปล่อยสินเชื่อบ้านของธนาคารต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อย เนื่องจากจากภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีแรกยังไม่คึกคักมากนัก และการโอนโครงการมักจะมีมากในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะทำให้สินเชื่อบ้านของธนาคารจะเติบโตมากกขึ้นกว่าครึ่งปีแรก
อย่างไรก็ตาม ธนาคารคาดว่า ในช่วงครึ่งปีหลังตลาดอสังหาริมทรัพย์จะเริ่มเห็นการเติบโตที่ชัดเจนมากขึ้น โดยจะมีการโอนที่เพิ่มมากขึ้นกว่าครึ่งปีแรก ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซันของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ผู้ประกอบการจะโอนในช่วงปลายปีเป็นส่วนมาก ทำให้ในช่วงปลายปีนี้จะมีความต้องการใช้สินเชื่อบ้านเพิ่มมากขึ้น และจะทำให้สินเชื่อบ้านของธนาคารจะเติบโตมากขึ้นกว่าครึ่งปีแรก
ส่วนแผนการดำเนินงานด้านสินเชื่อของธนาคารกสิกรไทยในครึ่งปีหลังนี้ จะมีการนำระบบดิจิทัลเข้ามาใช้กับการขอกู้สินเชื่อบ้านของลูกค้า โดยที่ในเว็บไซต์ของธนาคารกสิกรไทย จะให้ลูกค้าสามารถเข้าไปกรอกข้อมูลเพื่อตรวจสุขภาพทางการเงินก่อนการยื่นขอสินเชื่อ เพื่อเป็นการเตรียมตัวให้กับลูกค้า และในอนาคตจะนำระบบการขอสินเชื่อบ้านเข้าไปในแอปพลิเคชัน K PLUS เพื่อทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินเชื่อบ้านของธนาคารได้ง่ายขึ้น และทำให้ลูกค้าสามารถทราบถึงวงเงินที่ลูกค้าแต่ละรายสามารถกู้ได้ ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกให้ลูกค้า สามารถใช้บริการผลิตภัณฑ์ของธนาคารได้ทุกที่ทุกเวลา
“ต่อไปในอนาคต การปล่อยสินเชื่อจะมีความละเอียดมากยิ่งขึ้นขนาดที่พิจารณาลูกค้าเป็นรายบุคคล แต่ละรายจะได้รับวงเงินสินเชื่อ และอัตราดอกเบี้ยที่ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับ WEALTH หรือความมั่งคั่ง มั่นคง วินัยทางการเงินของลูกค้าแต่ละราย” นายอลงกต กล่าว
ส่วนกรณีที่ ธปท. ออกมาเตือนกรณีสัดส่วนการให้วงเงินต่อมูลค่าหลักประกันของสินเชื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ธนาคารได้มีการพูดคุยกันในสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย และพบว่า ส่วนใหญ่ไม่มีการให้สินเชื่อเกินมูลค่า LTV และในส่วนของธนาคารนั้น ปัจจุบันให้วงเงินไม่เกิน 100% ของราคาขายบ้าน หรือบางรายอาจจะให้เท่ากับราคาขายบ้าน และเป็นไปตามความเสี่ยงของลูกค้าแต่ละราย โดยที่สินเชื่อบ้านแนวราบจะให้วงเงินกู้ที่ 95% ของราคาขาย และสินเชื่อคอนโดมิเนียมจะให้วงเงินสินเชื่อที่ 90% ของราคาขาย ส่วนวงเงินสินเชื่อหากลูกค้าต้องการใช้ตกแต่งจะเสนอเป็นสินเชื่อประเภทอื่น ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าสินเชื่อบ้าน สำหรับลูกค้าได้วงเงินกู้ในอัตราที่สูง กลุ่มนี้จะเป็นลูกค้าเงินฝาก หรือมีบัญชีเงินเดือน หรือบัญชีกับธนาคาร ซึ่งไม่ได้สูงทุกคน ซึ่งธนาคารมีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่ออยู่แล้ว ส่วนยอดปฏิเสธสินเชื่อปัจจุบันมีแนวโน้มดีขึ้น โดยปรับลดลงมาจาก 40% เหลือ 30-35% และยังทรงตัวอยู่สะท้อนให้เห็นว่าสถานการณ์ในปัจจุบันดีขึ้น
นายอลงกต กล่าวต่อว่า ธนาคารเตรียมออกแคมเปญรีไฟแนนซ์สินเชื่อบ้าน เพื่อให้ลูกค้าสามารถเปลี่ยนมาใช้สินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยถูกลง โดยแคมเปญรีไฟแนนซ์นี้จะเน้นเรื่องอัตราดอกเบี้ยถูกเป็นหลัก
แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นกรุงศรี ขึ้น 5-10 สต.
ด้านนายณัฐพล ลือพร้อมชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY กล่าวว่า แนวโน้มสินเชื่อบ้านของธนาคารในปีนี้มีโอกาสขยายตัวได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้เติบโต 11% ทั้งการเติบโตของสินเชื่อบ้านที่เป็นสินเชื่อใหม่ และการเติบโตของสินเชื่อคงค้าง หลังจากที่ครึ่งปีแรกที่ผ่านมา สินเชื่อบ้านของธนาคารสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยที่สินเชื่อใหม่ปล่อยไปแล้ว 3.1-3.2 หมื่นล้านบาท จากเป้าหมายปล่อยใหม่ถึงสิ้นปี 6.3 หมื่นล้านบาท และมียอดสินเชื่อคงค้างในครึ่งปีแรกอยู่ที่ 2.3 แสนล้านบาท จากเป้าหมายสินเชื่อคงค้างสิ้นปีนี้ 2.4 แสนล้านบาท
ในช่วงครึ่งปีหลัง ธนาคารคาดว่าจะสามารถปล่อยสินเชื่อบ้านได้เพิ่มขึ้น เพราะเป็นช่วงไฮซีซันของธุรกิจอสังหาฯ ผู้ประกอบการเริ่มทยอยโอนบ้านเพื่อปิดยอดขายก่อนสิ้นปี ซึ่งคาดว่าส่วนใหญ่จะไปกระจุกตัวในช่วงปลายไตรมาส 3/61 และไตรมาส 4/61 โดยที่สัดส่วนการโอนโครงการจะแบ่งเป็นครึ่งปีแรก 40% และครึ่งปีหลัง 60% ประกอบกับมุมมองภาพรวมตลาดอสังหาฯ ในปีนี้ ธนาคารมองเป็นภาพบวกจากเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ทำให้ประชาชนมีความมั่นใจเพิ่มขึ้น และตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น ขณะที่ดีมานด์ และซัปพลาย ในตลาดเข้ามาใกล้กัน ทำให้ตลาดอสังหาฯ ของไทยกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น และเป็นแรงหนุนส่งมาที่สินเชื่อบ้านด้วย
นอกจากนี้ ธนาคารได้ปรับกระบวนการในการทำงาน และพิจารณาสินเชื่อใหม่ โดยจะมุ่งเน้นไปที่การเข้าถึงผู้ประกอบการและลูกค้าเป็นหลัก เพื่อให้ธนาคารได้ฐานลูกค้าใหม่เข้ามา และไม่เน้นการดึงลูกค้าจากสถาบันการเงินรายอื่นเข้ามามาก ทำให้ฐานลูกค้ากระจายไปในหลากหลายกลุ่มมากขึ้น แม้ว่าในแง่ของอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านของธนาคารจะเริ่มทยอยปรับขึ้นมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา จากต้นทุนทางการเงินที่เริ่มสูงขึ้น และแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ทำให้ต้องเริ่มทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งธนาคารจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5-10 สตางค์ต่อเดือน สำหรับลูกค้าที่ครบกำหนดดอกเบี้ยอัตราพิเศษ
“อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านของธนาคารในช่วง 3 ปีแรก เฉลี่ยอยู่ที่ 3% ซึ่งมองว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านของธนาคารอื่นๆ จะเริ่มทยอยปรับเพิ่มขึ้นตามแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยช่วงขาขึ้น ซึ่งคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้จะเห็นอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านของทั้งระบบธนาคารพาณิชย์สูงกว่า 3% และจะไม่มีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า 3% แล้ว เพราะทุกธนาคารจะต้องกลับมาดูต้นทุนทางการเงินของตัวเอง และคิดอัตราดอกเบี้ยตามภาวะตลาด” นายณัฐพล กล่าว
ส่วนแนวโน้มสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของธนาคารในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่ามีโอกาสลดลงถึงสิ้นปีที่ 2.4% จากครึ่งปีแรกที่ 2.6% จากการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น ทำให้ NPL ลดลง อย่างไรก็ตาม ธนาคารจะควบคุม NPL ให้อยู่ในกรอบเป้าหมายในช่วง 2.4-2.6% และยังไม่มีสัญญาณว่า NPL ของลูกค้าสินเชื่อบ้านจะเพิ่มขึ้นในช่วงนี้
เตรียมจัด “อภิมหกรรมบ้าน-คอนโดฯ และสินเชื่อแห่งปี 2018”
ล่าสุด สมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย และ บริษัท โฮมบายเออร์ไกด์ จำกัด เตรียมจัดงาน “อภิมหกรรมบ้าน-คอนโดฯ และสินเชื่อแห่งปี 2018” ซึ่งจะรวบรวมบ้านจัดสรร-คอนโดมิเนียม มาลดราคา พร้อมด้วยสินเชื่อบ้าน จากธนาคารชั้นนำ ซึ่งจุดเด่นในงาน เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคดิจิทัล มีเพียงสมาร์ทโฟน สามารถลงทะเบียน เก็บโบรชัวร์ ร่วมกิจกรรม รับโปรโมชันต่างๆ หรือการเลือกชมบ้านตัวอย่างเสมือนจริง 360 องศา มากกว่า 100 โครงการ รวมถึงในปีนี้ยังมีโซนพิเศษ “Hot Deal” นำสินค้าจาก 20 แบรนด์ชั้นนำขายราคาพิเศษเฉพาะภายในงาน ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-19 ส.ค. นี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ทั้งนี้ ในงานนอกจากจะมีผู้ประกอบการอสังหาฯ กว่า 100 บริษัท นำกว่า 300 โครงการที่อยู่อาศัยเข้าร่วมงานแล้ว ยังมีทรัพย์เอ็นพีเอของธนาคารเข้าร่วม ตลอดจนมีการนำเสนอโปรโมชันสินเชื่อที่อยู่อาศัยในงานนี้ด้วย
นายบริสุทธิ์ กาสินพิลา กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮมบายเออร์ไกด์ จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลอดระยะเวลาของการจัดงานทั้ง 4 วัน นอกจากจะมีกิจกรรมและโปรโมชันมากมายแล้ว งาน Home Buyers Expo 2018 ปีนี้จะเป็นการพลิกโฉมครั้งสำคัญด้วยสมาร์ทโฟนเครื่องเดียวได้ครบทั้งงาน ไม่ว่าจะเป็นลงทะเบียน, เก็บโบรชัวร์, กิจกรรมเสวนา, รับโปรโมชันต่างๆ หรือสามารถดูย้อนหลังได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านสมาร์ทโฟน พบกับ Digital Exhibition โครงข่ายรถไฟฟ้า ที่กำลังจะเกิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร เทคโนโลยีดูบ้าน-คอนโดฯ เสมือนจริงผ่าน VR 360 ซึ่งทั้งหมดได้มาไว้เพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้เข้าชมงาน
และเพื่อให้ผู้บริโภคได้ศึกษาก่อนตัดสินใจเลือกซื้อที่อยู่อาศัยอย่างดีที่สุด และไฮไลต์เด็ดกับโซนต่างๆ มากมายภายในงาน อาทิ Hot Deal นำบ้าน คอนโดฯ ราคาพิเศษมานำเสนอ, IoT Smart Home นวัตกรรมเอาใจคนรุ่นใหม่กับการใช้ชีวิตที่ง่ายขึ้นด้วยสมาร์ทโฮม, Innovation Project นวัตกรรมดีไซน์ใหม่ๆ ของที่อยู่อาศัย และ Aging Society นวัตกรรมบ้านสำหรับผู้สูงอายุ โดยในปีนี้ได้รวบรวมโครงการที่อยู่อาศัยในหลากหลายทำเล อาทิ ซีเอ็มซี กรุ๊ป, บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน), บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน), บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน), บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน), บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด และอีกหลากหลายแบรนด์ทั้ง NPA บ้านมือสอง ในทำเลศักยภาพต่างๆ นอกจากนี้ ยังมีสินเชื่อเงื่อนไขพิเศษจากสถาบันการเงินชั้นนำอีกด้วย