รมว.คลัง มั่นใจเศรษฐกิจครึ่งหลังปี 61 ยังเติบโตต่อเนื่อง พร้อมยึดนโยบายงบประมาณขาดดุลอีก 4.5 แสนล้านในปีหน้า แม้อัตราภาระหนี้สาธารณะจะขยับขึ้นสูงสุดเป็น 48% ในอีก 4 ปีข้างหน้าจากปัจจุบันที่ 40.4% ต่อจีดีพี ระบุเป็นการทยอยกู้เพื่อลงทุนโครงการพื้นฐานขนาดใหญ่
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงปี 61-62 รัฐบาลจะยังใช้นโยบายขาดดุลงบประมาณปีละ 4.5 แสนล้านบาท ซึ่งจะเน้นการใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลังจะดูแลภาระหนี้ด้วย จากปัจจุบันภาระหนี้สาธารณะต่อ GDP อยู่ที่ 40.4% ก่อนจะขยับขึ้นไปสูงสุดที่ 48% ในอีก 4 ปีข้างหน้า จากการทยอยลงทุนในโครงการพื้นฐานขนาดใหญ่ของรัฐบาล แต่จะยังคงอยู่ในกรอบวินัยการเงินการคลังที่กำหนดไว้ไม่เกิน 60%
สำหรับการจัดทำงบประมาณสมดุลนั้น นายอภิศักดิ์ คาดจะต้องใช้เวลาอีกประมาณ 11 ปี บนสมมติฐานที่อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) เติบโตไม่ต่ำกว่า 4% รวมทั้งการจัดเก็บภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งขณะนี้กระทรวงการคลังได้มีการขยายฐานภาษี เพื่อดึงผู้ที่อยู่นอกระบบให้เข้ามาอยู่ในระบบภาษีเพิ่มขึ้น
นายอภิศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากความพยายามผลักดันให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้โครงการ “ไทยแลนด์ 4.0” โดยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย ซึ่งจะทำให้ GDP ของประเทศอาจเติบโตมากกว่าระดับ 4-5% ทั้งนี้ กระทรวงการคลังเน้นการวางโครงสร้างดิจิทัลทางการเงิน จึงเกิด PromtPay และต่อมาก็มีระบบ QR Code รวมทั้งการลงทุนในโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่จะเป็นส่วนผลักดันให้เศรษฐกิจไทยเติบโตต่อได้อีก 10 ปีข้างหน้า เพราะประเทศไทยจะมีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น
ในระยะต่อไป กระทรวงการคลังจะดำเนินการเรื่อง Digital ID ที่ประชาชนไม่จำเป็นต้องเดินทางไปแสดงตนด้วยตัวเอง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการร่างกฎหมาย และกำลังจะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาอนุมัติดำเนินการต่อไป
นอกจากนี้ รัฐบาลมีโจทย์ที่จะให้ไทยเป็นประเทศที่พ้นความยากจน หรือเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางถึงสูง ซึ่งมีการทำแผนยุทธศาตร์ชาติ โดยมีเป้าหมายว่าประเทศไทยจะพ้นความยากจน หากเศรษฐกิจไทยจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 4% คาดจะใช้เวลา 18 ปี แต่หากเศรษฐกิจไทยเติบโตเฉลี่ยปีละ 5% จะใช้เวลา 11 ปีที่จะพ้นความยากจน
“เราต้องผลักดันให้เศรษฐกิจโตสูงสุด เพื่อให้ไทยก้าวขึ้นมาสู่ประเทศที่มีรายได้ปานกลางถึงรายได้สูง เราจะพ้นจากความยากจนได้เราต้องปกิรูปอย่างจริงจัง”
ส่วนประเด็นเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนนั้น นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า ธนาคารโลก (World Bank) คาดการณ์จะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกราว 0.5% จากที่คาดการณ์ว่าปีนี้จะโต 3.5% แต่คาดว่าในส่วนของประเทศไทยจะได้รับผลกะทบไม่มากนัก