xs
xsm
sm
md
lg

“ภากร” คาดตลาดหุ้นไทย H2/61 ผันผวนน้อยกว่า H1/61 หลังปัจจัยต่างประเทศมึความชัดเจนมากขึ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ภากร” คาดตลาดหุ้นไทย H2/61 ผันผวนน้อยกว่า H1/61 หลังปัจจัยต่างประเทศมึความชัดเจนมากขึ้น และช่วงครึ่งปีแรกตลาดหุ้นตอบรับปัจจัยดังกล่าวไปมากแล้ว ขณะที่ข้อดีของตลาดเรา คือ บริษัทจดทะเบียนมีความสามารถทำกำไร เป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีคุณภาพดี ซึ่งทำให้นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) คาดว่าในช่วงครึ่งหลังปีนี้ตลาดหุ้นไทยจะยังมีความผันผวน แต่จะน้อยกว่าในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เนื่องจากปัจจัยต่างๆ ที่กดดันตลาดในขณะนี้จะมีความชัดเจนมากขึ้น ได้แก่ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ แข็งแกร่ง เงินเฟ้อโต โดยช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง นอกจากนี้ มีเรื่องการลดวงเงินตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของธนาคารกลางแต่ละประเทศ และประเด็นข้อขัดแย้งการค้าระหว่างจีน กับสหรัฐฯ ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกตอบรับกับทั้ง 3 ปัจจัยดังกล่าวไปมากแล้ว

สำหรับประเด็นสงครามการค้า ยังมีความไม่แน่นอนการค้าระหว่างประเทศ แม้ไทยจะไม่ได้รับผลกระทบทางตรง แต่คาดว่าจะมีผลกระทบทางอ้อม เพราะไทยส่งออกไปยังกลุ่มประเทศอาเซียน 25% ส่งออกไปจีน สหรัฐ ประมาณ 15% ดังนั้น ก็ต้องติดตามปัจจัยนี้ใกล้ชิด เพราะไม่รู้ว่ากลุ่มอาเซียนจะส่งออกไปจีน หรือสหรัฐฯ เท่าไร

“ตลาดหุ้นไทยยังจะมีความผันผวนจาก 3 ปัจจัย แต่ข้อดีของตลาดเรา คือ บริษัทจดทะเบียนมีความสามารถทำกำไร เป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีคุณภาพดี ซึ่งทำให้นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้”

นายภากร กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันมีความลึก และความกว้างมากขึ้น กล่าวคือ มีมูลค่าการซื้อขายวันนี้เฉลี่ยวันละ 6 หมื่นล้านบาท จาก 5 ปีที่ผ่านมาที่มีมูลค่าการซื้อขาย 3 หมื่นล้านบาท ถือว่าตลาดหุ้นไทยมีสภาพคล่องสูงสุดในอาเซียน โดยมีสิงคโปร์ตามมาเป็นอันดับสอง ประกอบกับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยเติบโตจากอุตสาหกรรมใหม่ที่รัฐผลักดันเกิดการลงทุน โดยเฉพาะ ธุรกิจ Well-being ที่บริษัทจดทะเบียนในไทยเป็นบริษัทชั้นนำของโลก

ตลาดหุ้นไทยยังเป็นตลาดที่สามารถระดมทุนสูงมากถึง 6.7 แสนล้านบาท สูงสุดในตลาดอาเซียนเช่นกัน และปัจจุบันมีมูลค่าตลาดหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (Market Capitalization) ถึง 17 ล้านล้านบาท

นอกจากนี้ ตลท. จะผลักดันให้บริษัทขนาดกลางและเล็ก หรือ เอสเอ็มอี และกลุ่ม Start Up ใช้ตลาดหลักทรัพย์ฯเป็นแหล่งระดมทุน รวมทั้งบริษัทที่อยู่ในต่างประเทศ ทั้งบริษัทใหญ่ และบริษัทเล็ก รวมทั้งเป็นแหล่งระดมทุนให้กับโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานจากลาว เมียนมา และกัมพูชา แล้วขายไฟฟ้ากลับมาที่ไทย ซึ่งทางการไทยในระดับรัฐบาลได้มีการหารือประเทศในกลุ่มแม่น้ำอิรวดี แม่น้ำโขง และแม่น้ำเจ้าพระยา ในประเด็นการระดมทุนในรูปแบบ Infrastructure Trust

ขณะที่กองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ที่ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในไทย คาดจะออกในไตรมาส 3/61 ส่วนเรื่องตราสารแสดงสิทธิการฝากหลักทรัพย์ต่างประเทศ (DR) ที่บริษัทโบรกเกอร์อยู่ระหว่างการออก และคาดว่าจะเข้าเทรดในตลาดหุ้นไทยได้ในไตรมาส 3/61


กำลังโหลดความคิดเห็น